เคยมีคนถามผมอยู่เหมือนกันว่าถ้าจะลงทุนในหุ้นต้องรู้อะไรบ้าง ผมอยากจะบอกว่าสิ่งที่ควรต้องรู้อย่างหนึ่งก็คือพื้นฐานบัญชีเนี่ยแหละ ผมก็ไม่ได้เป็นนักบัญชีนะ แต่มันสำคัญเพราะพวกรายงานผลประกอบการกิจการที่เราจะซื้อเนี่ย มันเขียนด้วยวิธีการและภาษาทางบัญชีไงเลยไม่รู้ไม่ได้ ที่ผมเจอมานะครับ น้อยมากจริงๆที่เคยเปิดตัวงบการเงินของบริษัท ซึ่งก็หาได้ทั่วไปเป็นข้อมูลสาธารณะ คนไม่รู้เลยเสียเปรียบไงครับ เพราะฉะนั้นผมว่าคุณเริ่มต้นจากเข้าใจหลักการลงบัญชีเบื้องต้นก่อนดีกว่า
หัวข้อนี้เกี่ยวกับพวกการบันทึกรายได้รายจ่ายครับ วิธีลงบัญชีมีอยู่สองแบบ คือแบบบันทึกเกณฑ์เงินสด กับเกณฑ์คงค้าง โดยสองแบบนี้ก็จะให้ตัวเลขผลประกอบการออกมาแตกต่างกัน เพื่อความเข้าใจเราจะอธิบายไปยกตัวอย่างไปครับ
เราจะสมมติเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามนี้
- คุณขายของไปได้เงินมา 200 บาท และจ่ายค่าซื้อสินค้ามาขาย 100 บาท
- คุณขายของไปมูลค่า 500 บาท แต่ลูกค้าตกลงว่าจะจ่ายในเดือนหน้า คุณจ่ายค่าซื้อสินค้ามาขาย 250 บาท
- ลูกค้าจ่ายเงินที่ค้างจากเดือนที่แล้ว 500 บาท และยังจ่ายเงินเพิ่มอีก 200 บาท โดยบอกว่าเป็นการจ่ายล่วงหน้าสำหรับซื้อสินค้าในเดือนหน้า
- จ่ายค่าซื้อสินค้ามาขาย 100 บาท สำหรับส่วนที่ลูกค้าสั่งซื้อไว้ตั้งแต่เดือนที่แล้ว
ทีนี้เรามาดูวิธีบันทึกเกณฑ์เงินสดก่อน โดยไอเดียแล้วก็ตามชื่อวิธีการนี้คือให้ความสำคัญกับเงินสด บันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นตามเงินสดอย่างเดียว ได้ตามตารางแบบนี้ครับ
เกณฑ์เงินสด |
เดือน 1 |
เดือน 2 | เดือน 3 |
เดือน 4 |
รายได้ |
200 | 0 | 700 |
0 |
รายจ่าย |
100 | 250 | 0 |
100 |
กำไร | 100 | -250 | 700 |
-100 |
แล้วทีนี้ก็จะเป็นบันทึกตามเกณฑ์คงค้าง โดยไอเดียคือวิธีนี้ให้ความสำคัญกับกิจกรรมทางธุรกิจ บันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นตามกิจกรรมที่ทำเป็นหลัก เช่นอย่างกรณีเดือนที่สองที่ขายของไปแล้ว 500 บาท แม้จะยังไม่ได้รับเงิน แต่วิธีการนี้จะลงว่าเป็นรายรับไปในเดือนนั้นเลย และอย่างเดือนที่สามก็จะไม่มีการบันทึกว่าเป็นมีรายได้หรือรายจ่ายเลย เพราะยึดตามกิจกรรมทางธุรกิจที่เกิดขึ้นเป็นหลักว่าลูกค้าเค้าซื้อของของเดือนที่ 4 ไม่เกี่ยวกับเดือนที่ 3 ซึ่งจะได้ตามตารางแบบนี้ครับ
เกณฑ์คงค้าง |
เดือน 1 | เดือน 2 | เดือน 3 | เดือน 4 |
รายได้ |
200 | 500 | 0 |
200 |
รายจ่าย |
100 | 250 | 0 |
100 |
กำไร | 100 | 250 | 0 |
100 |
ในบทความนี้คุณก็จะเห็นคร่าวๆละว่ามันมีสองวิธี รู้แล้วว่ามันต่างกันยังไง ทีนี้ในบทความต่อๆไปเราจะมาพูดถึงว่าเค้าใช้อันไหนในกรณีใดและเพราะอะไรกันครับ บทนี้เอาเท่านี้ก่อนผู้เขียนจะไปพักดื่มน้ำชา