หลุมพราง 7 ข้อที่คนไม่อยากเจ๊งต้องรู้ 6 : พลาดเพราะไม่ยอมรับว่าพลาด

Seven Deadly Pitfalls 6: Failing to Admit Mistakes

คนทุกคนไม่ชอบเสียเงิน  แต่ที่ไม่ชอบยิ่งกว่าคือการยอมรับว่าเราพลาดและเป็นเหตุให้เสียเงิน  แล้วเวลาไม่ยอมรับว่าพลาดเนี่ยแหละ  เราจะหาเหตุผลที่บางทีก็ไม่ค่อยมีเหตุผลมาสนับสนุนไม่ให้ขาย  และทำให้เราสุดท้ายยิ่งขาดทุนมากขึ้นไปอีก  คุ้นๆมั้ยครับ  ผมว่าเป็นกันทุกคนนะเพราะผมก็มีอาการแบบนี้เหมือนกัน

กรณีล่าสุดเลย  ผมถือหุ้นบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมบริษัทหนึ่งอยู่  มีกำไรด้วยนะ  พอช่วงครึ่งหลังปี 2014 ก็อย่างที่รู้กัน  ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกตกต่ำลง  ซึ่งถ้าผมขายหุ้นนี้ในเวลานั้น  ก็จะยังมีกำไรนิดหน่อยด้วย  แต่ผมไม่ได้ขาย  พลาดไปตรงการที่ไม่ยอมรับว่าพลาดเนี่ยแหละ

ต้องเข้าใจว่าก่อนการตัดสินใจซื้อหุ้นนี้  ผมมีการศึกษางบการเงิน  มีการดูปริมาณก๊าซที่เหลือในหลุมต่างๆของบริษัท  มีการดูโครงการในอนาคตที่กำลังทำ  จนเชื่อไปแล้วว่าบริษัทน่าจะทำได้ดี  ไม่ดีมากก็อย่างน้อยควรจะต้องใช้ได้

พอราคาน้ำมันเริ่มตกลงเล็กน้อย  หลักฐานและเหตุผลประกอบบ่งชี้ชัดเจนว่า  มันราคาตกลงเพราะมีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นมากเยอะเกินไปเยอะ  จากการที่มีเทคโนโลยีใหม่ที่ทำให้อเมริกาสามารถดึงน้ำมันดิบขึ้นมาได้ในราคาที่ถูกลง  ยังไงราคาน้ำมันดิบตลาดโลกก็ต้องต่ำลงอยู่แล้ว  และควรจะตกลงเยอะด้วยเพราะพวกนี้เวลาขุดมาแล้วต้องขาย  ไม่ขายก็ไม่ได้เพราะลงทุนไปแล้วมหาศาล

ทั้งที่รู้ด้วยนะ  และชัวร์เลยด้วยว่าราคาน้ำมันดิบ  ยังไงต้องส่งผลต่อเชื้อเพลิงอื่นอย่างก๊าซธรรมชาติที่บริษัทผลิตอยู่แล้ว  แต่ด้วยความดื้อไม่ยอมรับความผิดพลาดตัวเอง  ทำให้ผมถือหุ้นอยู่จนขาดทุน  แทนที่จะมีกำไรไปทำอย่างอื่น  จากกำไรกลายเป็นขาดทุนเป็นแสน  มานึกย้อนดูก็สมควรโดนอยู่ครับ

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า  เราควรจะยอมรับความผิดพลาด  ถ้าสถานการณ์ของกิจการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจริงๆ  จนทำให้เหตุผลที่เราลงทุนแต่แรกไม่ตรงกับสถานการณ์  ก็ขายทิ้งเถอะครับ  หุ้นไม่รู้หรอกครับว่าเราเป็นเจ้าของ  ไม่ต้องไปหวงมันมากนักก็ได้