เป็นธรรมชาติของนักลงทุนที่จะเชื่อมั่นในความคิดเห็นของตัวเอง โดยเฉพาะที่ไม่ใช่ใหม่กิ๊กแต่เริ่มมีความรู้หรือว่าลงทุนมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เชื่อมั่นในตัวเองนี่สำคัญและเป็นสิ่งที่ดี เพราะในตลาดหุ้นเราควรตัดสินใจลงทุนรับผิดชอบตัวเองอยู่ละ
ปัญหามันจะเริ่มมาตอนที่มั่นใจเกินนี่แหละ การมั่นใจเกินไปทำให้ หนึ่งเลยคือทำให้ไม่มีการเรียนรู้ คิดไปว่ารู้เรื่องดียอดเยี่ยมแล้วพัฒนาการก็จะหยุดอยู่แค่นั้น กับอย่างที่สองที่น่ากลัวนี่คือทำให้เราประมาทครับ ผมประสบกับตัวเองมาเลยก็เลยอยากจะมาเล่าให้ฟังเป็นข้อคิด
ผมเคยซื้อหุ้นตัวนึง มันเป็นหุ้นบริษัทที่ทำช่องรายการโทรทัศน์ช่องหนึ่ง ผมก็ทำศึกษาตามขั้นตอนปกติ บริษัทนี้ทำช่องรายการข่าว และที่ผ่านมาก็ทำได้ดี ดูเหมือนจะมีกลุ่มผู้ชมที่ติดตามช่องรายการนี้พอสมควร เรทติ้งของผู้ชมค่อนข้างสม่ำเสมอ ดังนั้นผมจึงทำการประมาณการรายได้และเตรียมราคาเป้าหมายตามปกติ ทีนี้มันมีอยู่นิดนึงคือ บริษัทนี้กำลังจะระดมทุนเพิ่มโดยการออกหุ้นใหม่ เป็นการระดมทุนเพื่อประมูลทีวีดิจิตอล โดยเค้าประกาศว่าอัตราส่วนการเพิ่มทุน 2 ต่อ 1
เพิ่มทุน 2 ต่อ 1 สำหรับผมแล้วก็แปลว่าการประมาณการต้องมีการเผื่อการเจือจาง ในเวลานั้นผมดันคิดไปเองว่ามันคือออกหุ้นใหม่ 1 หุ้น จาก 2 หุ้นเดิม (เพิ่มจำนวนหุ้น 50%) แต่จริงๆมันไม่ใช่ เพราะมันเป็น 2 หุ้นใหม่ จาก 1 หุ้นเดิม (เพิ่มจำนวนหุ้น 200%)
ความเข้าใจผิดแต่คิดเองว่าเข้าใจถูก ทำให้ผมประมาณการราคาหุ้นที่ต้องซื้อคลาดเคลื่อนเยอะมาก ผมซื้อมาแพงเกินกว่าที่ควรถึง 2 เท่า และจึงไม่แปลกใจเลยที่ผลสุดท้ายคือลงทุนครั้งนั้นเสียเงินไปหลายแสนบาททีเดียว ที่น่าอนาถที่สุดเลยนะ คือเรื่องเพิ่มทุนนี้มันเป็นข่าวละครับ มันเป็นแผนการที่ชัดเจนอยู่แล้ว แค่หาข้อมูลคอนเฟิร์มนิดหน่อยผมก็ควรจะทราบจำนวนหุ้นที่เพิ่มละ ค่าประมาทในครั้งนั้นแพงมากครับ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า จงอย่ามั่นใจเกินไป นักลงทุนที่ดีควรมีคนให้คุยปรึกษา จะเป็นญาติพี่น้องหรือเพื่อนกันที่เราไว้ใจก็ได้ครับ ขอให้เป็นคนที่ไม่มีผลประโยชน์หรือได้ผลกระทบอะไรกับการลงทุนของเรา ก็ใช้ได้