ซื้อหุ้นคือการซื้อธุรกิจ

To Buy Stock Is To Buy A Piece of A Company

ถ้าผมคิดได้แบบนี้ตั้งแต่ตอนเริ่มลงทุน  วันนี้จะรวยกว่านี้เยอะเลย  ในอดีตยอมรับว่าเคยเห็นหุ้นเป็นตัวเลขวิ่งๆบนกระดานเหมือนกัน  อารมณ์คล้ายๆกับไฮโลเลยนะ  แต่วันนี้กลับตัวละก็เลยอยากเขียนอะไรให้เรานึกเล่นๆ

  1. จริงอยู่ที่ในช่วงระยะสั้นราคาหุ้นขึ้นกับมุมมองตลาด แต่คุณว่าคนเราจะบ้าได้ซักกี่ปี

ผมเรียนไฟแนนซ์มาเนอะ  เราก็จะมีรุ่นพี่และอาจารย์ที่อยู่ในสายงานนี้พอสมควร  ส่วนใหญ่ก็จะบอกว่าเออตลาดหุ้นนี่มันไม่ได้เป็นตามทฤษฎีนะ  บางทีหุ้นของกิจการที่ดีราคาตกก็มี  หรือบางทีกิจการแย่ๆเดี๋ยวราคาขึ้นแล้วขึ้นอีกก็มี  ซึ่งพอผมเริ่มลงทุนช่วงแรกก็เห็นแบบนั้น  และเชื่อว่าคุณผู้อ่านก็น่าจะเคยเห็นเหมือนกัน

แต่พอศึกษาดูดีๆภายหลังผมพบว่า  ในระยะยาวแล้วราคาหุ้นมันขึ้นหรือลงเป็นไปตามผลประกอบการของบริษัท

ไปลองพิสูจน์ดูด้วยตัวเองครับ  ลองเปิดกราฟราคาหุ้นตัวไหนก็ได้ย้อนหลังซักอย่างน้อย 10 ปี (www.morningstar.com  มีให้ดูย้อน)  แล้วดูเทียบกับกำไรสุทธิช่วงเดียวกัน  มันจะเห็นชัดมากว่าสองกราฟนี้เคลื่อนไหวทิศทางเดียวกัน

ซึ่งมาลองคิดดูก็ไม่น่าแปลกใจ  สมมติง่ายๆลองนึกตาม

  • กิจการที่ไม่ดี ช่วงสั้นๆถ้าคนมีทัศนคติดีราคาก็อาจจะขึ้นไปได้  แต่ถ้ากิจการขาดทุนมากขึ้น  ขาดทุนหนักขึ้นเรื่อยๆปีแล้วปีเล่า  คุณว่าคนจะทัศนคติดีได้ซักกี่ปี
  • ในทางกลับกัน กิจการที่ดี  ต่อให้ช่วงนี้คนทัศนคติไม่ดีไม่ชอบราคาตก  แต่ถ้ากิจการกำไรดีขึ้นปันผลมากขึ้น  กำไรดีขึ้นปันผลมากขึ้นเรื่อยๆปีแล้วปีเล่า  คุณว่าคนจะทัศนคติไม่ดีได้ซักกี่ปี
  1. มันแล้วแต่เราเลือก เรากำลังลงทุนเอาสนุก  หรือเราลงทุนเอากำไรเยอะๆ

เราเลือกได้ว่าจะลงทุนแบบไหนเพราะมันเงินของเรา

ลงทุนหวังผลระยะสั้น  ลงทุนลักษณะนี้ต้องเข้าใจว่าอารมณ์ตลาดและทัศนคติของคนเป็นปัจจัยหลัก  ดังนั้นวิธีการลงทุนก็คือพยายามจะเดาใจคนอื่น  ถามหลักๆเลยคืออาทิตย์หน้าหรือเดือนหน้า  ราคาหุ้นนี้จะขึ้นหรือลง  คนอื่นจะอยากซื้อหรืออยากขาย  เน้นจิตวิทยาเป็นหลัก

ลงทุนหวังผลระยะยาว  ลงทุนลักษณะนี้ต้องเข้าใจว่าผลประกอบการของกิจการเป็นปัจจัยหลัก  วิธีการลงทุนก็คือพยายามเดาทิศทางของธุรกิจ  ถามหลักๆเลยคือบริษัทนี้อย่างน้อย 4-5 ปีข้างหน้า  จะทำกำไรได้ดีขึ้นหรือแย่ลง  ลักษณะการแข่งขันจะเป็นผู้ชนะหรือผู้แพ้  เน้นตัวกิจการเป็นหลัก

โดยส่วนตัวผมสรุปข้อดีของสองแบบนี้ไว้ดังนี้

  • ลงทุนสั้นสนุกกว่า ตื่นเต้นกว่ากันเยอะ  คือมันมีอะไรต้องลุ้นเยอะเพราะอารมณ์คนกับตลาดมันเปลี่ยนแปลงได้เกือบทุกวัน  มีเรื่องให้ไปคุยกับเพื่อน เช่น ตัวนี้วันนี้เป็นไง  ตัวนั้นวันนี้ลงแรงนะคิดว่าไง  ตัวนู้นน่าจะดีมั้ยจะราคาวิ่งมั้ย ฯลฯ  แต่ถ้าพูดถึงกำไร  ส่วนใหญ่วิธีนี้จะกำไรบ้างขาดทุนบ้าง  ถัวไปถัวมาผลลัพธ์ก็มักจะงั้นๆ  เพราะการเดาใจมนุษย์ให้ถูกตลอดมันยาก  มันก็จะถูกๆผิดๆอยู่นั่น
  • ลงทุนยาวกำไรง่ายกว่า เพราะเราต้องพิจารณาแค่ตัวธุรกิจ  ไม่ได้ต้องเดาเป๊ะด้วย  แค่ประมาณคร่าวๆถูกก็ใช้ได้  ไม่ต้องสนใจอารมณ์ตลาดหรือคนอื่น  แต่ลงทุนแนวนี้น่าเบื่อกว่าเยอะ  เวลาหาข้อมูลก็เป็นการหาข้อมูลเกี่ยวกับกิจการ  อย่างงบการเงินออกถี่สุดก็สามเดือนครั้ง  ซึ่งงบรายไตรมาสปกติก็ไม่ได้มีรายละเอียดอะไรนัก  ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรหวือหวาให้ต้องลุ้น

ลองไปนึกดูดีๆ  ไปเปิดดูกราฟราคาระยะยาวเทียบกับผลประกอบการ  ลองถามตัวเองดู  ว่าสรุปถ้าหุ้นคือกิจการ  และราคาหุ้นสุดท้ายขึ้นอยู่กับตัวธุรกิจ  อย่างนั้นเราเอาเวลามาศึกษาตัวกิจการจริงๆจังๆจะเป็นประโยชน์กว่ามั้ย  น่าจะดีกว่านั่งดูตัวเลขเขียวๆแดงๆวิ่งขึ้นวิ่งลงทุกเช้า -กลางวัน -เย็นมั้ย

Please note: I reserve the right to delete comments that are offensive or off-topic.

Leave a Reply