กระแสลดโลกร้อน – อุตสาหกรรมที่จะเติบโตไปอีกเป็นสิบปี

Decarbonization - An Upcoming Future Trend for the Next Decades

กระแสลดโลกร้อน – อุตสาหกรรมที่จะเติบโตไปอีกเป็นสิบปี

มีคนขอให้ทำวีดิโอเกี่ยวกับการ disrupt  เอาจริงๆผมก็ไม่ได้มีไอเดียอะไรเป็นพิเศษกับหัวข้อนี้  แต่ถ้าพูดถึงเทรนด์ที่พูดถึงกันเยอะในโลกการลงทุนและคิดว่าจะมีผลต่ออนาคตน่าจะเป็นเรื่องสิ่งแวดล้อม

กระแสเรื่องโลกร้อนจริงๆมันก็มีมาหลายปีละ  แต่เพิ่งจะไม่กี่ปีมานี้ที่คนในหลายประเทศเริ่มรู้สึกถึงปัญหาจริงๆจังๆ  เริ่มตื่นตัวว่าถ้าปล่อยแบบนี้แบบนี้ต่อไปหายนะแน่  มันก็เลยเป็นเรื่องที่คนเริ่มให้ความสนใจเยอะขึ้นเยอะ  กองทุนหรือแนวการลงทุนที่ให้ความสำคัญกับ ESG ก็มีเยอะขึ้นเยอะได้รับความสนใจ  หลายธุรกิจเองก็ตื่นตัวนะ  มีบางบริษัทที่ออกมาประกาศเป้าหมายว่าจะ carbon neutral บ้าง  หรืออย่างบริษัทอย่าง Microsoft ออกมาประกาศว่าจะทำให้ตัวเอง carbon negative ในปี 2030

ในช่วงแรกๆการตั้งเป้าหมายแบบนี้ก็อาจจะไม่ได้มีผลเยอะ  แต่ถ้ามีบริษัทหรือรัฐบาลจำนวนมากขึ้นที่พยายามจะลดการปล่อยก๊าซหรือพยายามจะ carbon neutral เยอะขึ้น  มันก็จะทำให้ตลาดสำหรับนวัตกรรมในด้านนี้มีความต้องการเยอะขึ้น  และผมเชื่อว่าความต้องการที่มีเยอะขึ้นจะทำให้มีคนคิดนวัตกรรมใหม่ๆสำหรับการลดการปล่อยก๊าซหรือทำให้ carbon neutral เยอะขึ้น

ในอนาคตผมเชื่อว่าธุรกิจที่เป็นตัวปล่อยก๊าซเรือนกระจกก็จะถูก disrupt  สองกลุ่มธุรกิจหลักที่ยังไงคิดว่าเปลี่ยนแปลงแน่ก็คือธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้ากับธุรกิจยานพาหนะ  โรงไฟฟ้าถ่านหินหรือรถยนต์ที่ใช้ระบบเผาไหม้เชื้อเพลิงก็จะถูกแทนที่ด้วยโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดกับรถไฟฟ้า  ปัจจุบันพลังงานจากแสงอาทิตย์กับลมถูกลงเรื่อยๆ  เคยได้ยินว่าปัจจุบันถูกกว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินแล้วด้วยซ้ำ  และก็มีคนใช้เยอะขึ้เพียงแต่มันยังติดปัญหาอื่นเช่นการจัดเก็บกระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้กับความสม่ำเสมอในการผลิตกระแสไฟฟ้า

ธุรกิจที่น่าจะได้ประโยชน์จากเทรนด์นี้ก็น่าจะเป็นพวกโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาด, บริษัทที่ทำการเก็บกระแสไฟฟ้า, ระบบเครื่องยนต์ไฟฟ้า, ระบบวัดการปล่อยก๊าซและอะไรก็แล้วแต่ที่เกี่ยวข้องกับการดักจับคอร์บอน  ในเวลานี้ธุรกิจพวกนี้ก็เริ่มมาแล้วนะไม่ใช่ว่าใหม่กิ๊ก  แต่เชื่อว่าอนาคตเทรนด์ธุรกิจกลุ่มนี้น่าจะมีไปอีกยาวครับ

 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/

หรือ ทดลองเรียนฟรี

ธุรกิจ Drone ก็มีหุ้นนะ

Drone Stocks

ธุรกิจ Drone ก็มีหุ้นนะ

ก่อนหน้านี้เคยมีคนสนใจบริษัทที่ทำเรื่องโดรนถามเราว่ารู้จักบริษัทในกลุ่มนี้มั้ย  ในตอนนั้นผมก็ไม่รู้จักเลยดังนั้นก็ตอบไปตามตรงว่าไม่รู้จักเลย  รู้จักแต่ Dji ซึ่งเคยเช็คดูแล้วว่าไม่มีหุ้น  แต่ภายหลังก็มาเจอว่ามีหุ้นที่ทำโดรนเหมือนกันนะ  เลยมาพูดถึงให้ฟังคร่าวๆครับ

1. AeroVironment

อันนี้เป็นอันแรกที่บังเอิญอ่านเจอ  ตอนแรกจากชื่อนึกว่าเกี่ยวอะไรกับสิ่งแวดล้อม  บริษัทนี้ทำโดรนสำหรับใช้ในการทหาร  มีจรวดมิซไซล์ด้วย  ลูกค้าคือรัฐบาลสหรัฐอเมริกา


2. AgEagle Aerial Systems

ส่วนบริษัทนี้ตอนแรกเริ่มเข้าใจว่าทำโดรนสำหรับการเกษตร  แบบไปถ่ายรูปดูสภาพความเรียบร้อย  พืชเป็นโรคมั้ยเติบโตดีมั้ยมีวัชพืชมั้ยอะไรประมาณนั้น  ภายหลังเข้าใจว่าพยายามขยายไปใช้ในธุรกิจอื่นด้วยเช่นตรวจงานโครงสร้าง, โดรนส่งของ, ฯลฯ

3. Parrot SA

อันนี้ของฝรั่งเศส  ตอนอ่านดูเหมือนเค้าจะเน้นย้ำว่ามันเชื่อมต่อ 4G เป็นเจ้าแรกที่ทำอะไรประมาณนี้  ผมไม่ได้เข้าใจละเอียดอะไรมากแต่การเชื่อมต่อทำให้ควบคุมได้ดีขึ้นแม้ว่าจะเจอสิ่งกีดขวางบังแล้วก็ระยะทางไกลขึ้นมั้ง  โดรนบริษัทนี้ก็ดูเหมือนจะไว้ถ่ายภาพเป็นหลักเหมือนกัน  เห็นบนเวปเค้าไว้ใช้เวลาช่วยเหลือคน, กู้ภัย, ตรวจสภาพใบพัด, ฯลฯ

 

4. EHang Holdings

ส่วนบริษัทนี้ของจีน  ต่างจากคนอื่นไปอีกตรงที่ไม่ใช่โดรนถ่ายภาพละ  เค้าพยายามจะทำโดรนขนาดใหญ่แบบคนเข้าไปนั่ง  คอนเซปต์เหมือนเฮลิคอปเตอร์มั้งนะ  ส่วนตัวก็ยังงงๆอยู่ว่ามันต่างจากเฮลิคอปเตอร์ยังไงจะได้เรื่องหรือเปล่า

5. พวกที่ทำเครื่องบินหรืออุปกรณ์ทหารส่วนใหญ่ก็มีทำโดรนเช่น  Boeing, Lockheed Martin, Northrop Grumman

แต่พวกนี้โดรนจะเป็นสัดส่วนรายได้ที่เล็ก  ไม่ได้เป็นสาระสำคัญของบริษัทเค้าเท่าไหร่

6. Special mention: Nvidia

อันนี้ไม่ได้ทำโดรนโดยตรง  แต่พูดถึงซะหน่อยเพราะดูเหมือนจะเค้าจะมีทำ hardware ที่ไว้สำหรับการทำ machine learning ซึ่งมีเอามาใข้ในโดรน

โดยรวมแล้วก็เหมือนจะมีหุ้นที่เกี่ยวกับโดรนเยอะกว่าที่ผมคิดตอนแรก  ส่วนใหญ่เปิดไปดูผลประกอบการก็ยังไม่ค่อยมีกำไรครับ  แต่อย่างน้อยมันก็มีสินค้ามีคนเริ่มใช้จริงแล้วเหมือนกันนะ

 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/

หรือ ทดลองเรียนฟรี

Tactical Allocation ทำจริงได้ผลมั้ย ?

Does Tactical Allocation work ?

Tactical Allocation ทำจริงได้ผลมั้ย ?

ไอเดียของ tactical allocation คือการขยับเงินลงทุนของเราระหว่างทรัพย์สินลงทุนประเภทต่างๆหรือกลุ่มธุรกิจต่างๆเพื่อฉวยโอกาสจากแนวโน้มของตลาดหรือธุรกิจ  อย่างเช่นถ้าเราเชื่อว่าช่วงนี้ธุรกิจท่องเที่ยวน่าจะฟื้น  เราก็อาจจะถือหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในพอร์ตและลดกลุ่มอื่นลง

โดยคอนเซปต์ tactical allocation ก็ฟังดูดีอยู่  แต่ในทางปฏิบัติเป็นไงมั่ง  พอดีผมไปเจอบทความของ Morningstar สรุปเรื่องนี้ครับ

Morningstar ทำการสังเกตผลตอบแทนโดยรวมของกองทุนที่มีนโยบายทำ tactical allocation ว่าโดยเฉลี่ยแล้วมันทำได้ดีกว่าตลาดมั้ย  สิ่งที่เค้าเจอคือทฤษฎีดูดีนะแต่ทำจริงท่าจะยาก

กองทุนที่ทำ tactical allocation แพ้กองทุนผสมที่รักษาสัดส่วนการลงทุนคงที่ไม่ว่าจะดูเฉลี่ยย้อนหลังกี่ปี  และอันนี้ไม่นับพวกกองที่ปิดไปแล้วด้วย

ในหมู่กองทุนพวกนี้ก็มีบางกองที่ทำได้ดีอยู่  แต่ดูแล้วเป็นส่วนน้อย  โดยภาพรวมการทำ tactical allocation ทำให้ผลตอบแทนห่วยลง

สำหรับคนที่สนใจอ่านตัวบทความนี้  ผมทิ้งลิ้งค์ไว้ให้ครับ https://www.morningstar.com/articles/1058700/tactical-asset-allocation-dont-try-this-at-home

 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/

หรือ ทดลองเรียนฟรี

ช่วงนี้ตลาดดูผันผวน เราควรจะขายหุ้นมาถือเงินสดไว้ก่อนมั้ย ?

We still think keeping money in stocks is a good idea

ช่วงนี้ตลาดดูผันผวน เราควรจะขายหุ้นมาถือเงินสดไว้ก่อนมั้ย ?

ช่วงที่ผ่านมาเริ่มมีคนถามว่าหุ้นช่วงนี้ยังน่าสนใจอยู่มั้ยในเมื่อตลาดหุ้นมันฟื้นมาเยอะแล้วจากโควิด  อย่างดัชนี SET ก็อยู่แถว 1,600  บวกกับมีปัจจัยความเสี่ยงหลายเรื่องไปหมดเช่นธนาคารกลางสหรัฐและหลายๆประเทศเริ่มทำท่าจะปรับอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นและหยุดกระตุ้นเศรษฐกิจ  อย่างเกาหลีนี่คือเริ่มปรับดอกเบี้ยขึ้นไปแล้ว  แล้วก็ยังมีเรื่องน้ำอาจจะท่วมกรุงเทพฯ  ไฟฟ้าดับในจีน  Evergrande เจ๊ง  เงินเฟ้อที่อาจจะสูงขึ้นเยอะจากราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น  อังกฤษเริ่มสินค้าขาดเพราะไม่มีคนขับรถบรรทุก ฯลฯ  เราควรจะถอนเงินออกจากหุ้นมาถือเงินสดหรือสินทรัพย์อื่นก่อนหรือเปล่า 

ในความเห็นผมคือไม่  คิดว่ายังควรลงทุนอยู่ในหุ้นต่อครับ

ก่อนอื่นในระยะสั้นตลาดจะตกหรือจะขึ้นเป็นยังไงผมไม่รู้  แต่ภาพรวมในระยะยาวผมยังคิดว่าเราควรจะลงทุนอยู่ในหุ้นเพราะ

  • โดยภาพรวมแล้วเศรษฐกิจฟื้นตัว  บริษัทส่วนใหญ่ผลประกอบการดีขึ้น  โดยเฉพาะพวกที่โดนผลกระทบจากโควิดเราเห็นชัดเจนว่ากำลังฟื้น
  • ปัจจัยเสี่ยงหนักสุดคือต้องกลับมาปิดธุรกิจอีกเพราะโควิดระบาดไม่เลิกก็ดูไม่น่าจะเกิดขึ้นละ
    • ตัวอย่างจากประเทศที่ฉีดวัคซีนได้เยอะ  ถึงจำนวนคนป่วยใหม่จะเยอะ  แต่จำนวนผู้ป่วยอาการหนักที่จะไปล้นโรงพยาบาลและจำนวนคนตายน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
  • การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย  อาจมีผลบ้างเพราะทำให้สินทรัพย์ปลอดภัยอัตราผลตอบแทนสูงขึ้นเมื่อเทียบกับหุ้น  แต่ในภาพใหญ่ไม่มีทางมีผลมากกว่าเศรษฐกิจประเทศที่ฟื้นตัว  ผลประกอบการบริษัทดีขึ้น  และที่สำคัญคือยังไงผลตอบแทนของสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นก็ยังดีกว่าพวกอัตราดอกเบี้ยเงินฝากซึ่งแพ้เงินเฟ้อมาก  ไม่น่าเป็นไปได้ที่คนจะแห่หนีจากหุ้นกลับไปอยู่ในรูปเงินฝากกันแค่เพราะอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสูงขึ้น
  • เศรษฐกิจฟื้นกลับมาอาจจะมีสะดุดไม่ราบรื่นบ้าง  หรือมีเหตุการณ์อื่นดูน่ากลัวบ้าง  แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่
    • อย่างอังกฤษที่ขาดแคลนคนขับรถบรรทุกส่วนนึงก็คือ Brexit กับช่วงที่โควิดระบาดกระบวนการในการออกใบอนุญาตขับรถบรรทุกมันติดขัด  บวกกับความต้องการสินค้าและบริการมันกลับมาอย่างเร็วฝั่ง supply ก็เลยปรับตัวไม่ทัน  ซึ่งมันไม่ใช่ปัญหาระยะยาว
    • Evergrande คนก็ตกใจมากไป  รัฐบาลจีนยังไงก็ไม่ปล่อยให้บริษัทเจ๊งบริษัทเดียวกระทบวงกว้างแน่นอน  และในความเป็นจริงมันไม่เหมือน subprime เพราะมันเป็นบริษัทที่มีปัญหาจากหนี้สินเยอะไป  บริษัทนั้นเบี้ยวไม่จ่ายหนี้  ไม่ใช่แบบ subprime ที่มีการปล่อยสินเชื่อมั่วแล้วคนเบี้ยวหนี้ในวงกว้าง
    • ส่วนเรื่องรัฐบาลจีนเข้ามาจัดการกับหลายธุรกิจ  โดยรวมเค้าต้องการให้ความร่ำรวยกระจายสู่คนจำนวนเยอะขึ้นลดความเหลื่อมล้ำ  ไม่ได้ตั้งใจจะเอาให้ธุรกิจเจ๊ง  ดังนั้นในระยะยาวก็ยังมองว่าดีอยู่ดี  เรากำลังพูดถึงประเทศที่คนเป็นพันล้านกำลังมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมีกำลังซื้อ
  • ส่วนเรื่องหุ้นแพงไปมั้ยขึ้นมาเยอะแล้วตอนนี้  อันนี้ก็มีส่วนจริงเพราะดัชนีตลาดหุ้นฟื้นไปแล้วจริง  แต่ในรายละเอียดถ้าไปดูจะเห็นว่ามันไม่ได้ราคาหุ้นฟื้นไปแล้วทุกกลุ่ม  กลุ่มที่โดนผลกระทบจากโควิดแล้วยังไม่ฟื้นมีอยู่  และในกลุ่มพวกนั้นถ้าเราเลือกที่คุณภาพดีเป็นหลักโอกาสก็ยังหาได้อยู่นะผมว่า

 

ดังนั้นสรุปคือ  ผมก็ยังคิดว่าเราสมควรจะลงทุนอยู่ในหุ้นตอนนี้  และผมไม่ได้แค่พูดเพราะโดยส่วนตัวตอนนี้เงินลงทุน 100% ก็อยู่ในหุ้นจริงๆ

 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/

หรือ ทดลองเรียนฟรี

Evergrande จะกลายเป็นวิกฤติแบบซับไพรม์มั้ย ?

I don't think evergrande will be like subprime

Evergrande จะกลายเป็นวิกฤติแบบซับไพรม์มั้ย ?

มีคนถามความเห็นเราว่ากรณีของ Evergrande สมควรกังวลมั้ย  มันจะเป็นวิกฤติเศรษฐกิจใหญ่ขึ้นมาหรือเปล่า

คำตอบคือเท่าที่เห็นตอนนี้เชื่อว่าไม่ครับ  คือมันก็เป็นบริษัทใหญ่และมีมูลค่าเยอะ  การเจ๊งก็มีผลกระทบวงกว้างกับลูกค้าและเจ้าหนี้นะ  แต่ไม่เชื่อว่าจะลุกลามเป็นแบบ subprime ในอเมริกา

ต้องเข้าใจว่าในกรณี subprime ของอเมริกานั่น  เหตุการณ์มันเริ่มจากการที่ทั้งอุตสาหกรรมของการปล่อยสินเชื่อบ้านทำการปล่อยสินเชื่อแบบไม่ใส่ใจคุณภาพของคนกู้ด้วยความเชื่อว่าราคาบ้านมันจะสูงขึ้นไปเรื่อยๆ  แล้วแถมมีการเอาเงินกู้พวกนี้ยำรวมกันเป็น Mortgage-backed securities ขายต่อให้นักลงทุนคนอื่นอีก  พอสุดท้ายมีปัญหาคนกู้ไม่จ่ายเงิน  ธนาคารทั้งระบบก็เลยสยองเพราะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร  แยกไม่ออกว่าใครจะเจ๊งบ้าง  แล้วเงินกู้ที่จะไม่จ่ายนั่นขนาดเท่าไหร่ไม่มีใครบอกได้  ธนาคารก็เลยเพื่อความอยู่รอดต้องกันเงินสดให้มากที่สุดเลยไม่ทำการปล่อยกู้ให้ธุรกิจปกติ  เลยกลายเป็นปัญหาวงกว้างกระทบธุรกิจอื่น

ส่วนกรณี Evergrande ถึงขนาดหนี้สินจะใหญ่  แต่ทุกคนรู้ว่าใครเป็นใคร  รู้ว่าคนที่ไม่สามารถจ่ายหนี้ได้นี่คือใครกันแน่  หนี้สินที่มีปัญหานี่มันขนาดเท่าไหร่กันแน่  ใครเป็นเจ้าหนี้บ้าง  และรัฐบาลจีนเองก็ดูไม่น่าจะนิ่งดูดาย  คือรัฐบาลเองน่าจะเข้ามาเพิ่มสภาพคล่องให้ธนาคารให้สามารถปล่อยกู้ให้ธุรกิจอื่นได้ตามปกติ  ในขณะที่คอยตามให้ Evergrande ค่อยๆขายทรัพย์สินชำระหนี้ตามกระบวนการปกติ

สิ่งที่เราอาจจะต้องตามดูคือนอกจาก Evergrande มันจะมีบริษัทอื่นในธุรกิจเดียวกันเจีงแบบเดียวกันเยอะมั้ย  ตอนนี้ได้ยินว่ามีตามมาอีก 2 เจ้าละคือ Fantasia กับ Sinic ที่เริ่มมีไม่สามารถจ่ายหนี้ได้  ถ้าเกิดมันลุกลามในวงกว้างแทนที่จะแค่ 2-3 บริษัทกลายเป็นเจ๊งทั้งอุตสาหกรรมขึ้นมา  แบบนั้นก็จะมีความเสี่ยงเยอะขึ้นเยอะเลย

 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/

หรือ ทดลองเรียนฟรี

ควรลงทุนหุ้นต่างประเทศหรือหุ้นไทยมากกว่ากัน ? สัดส่วนเท่าไหร่ ? ประเทศไหนดี ?

Should you invest in global or local stock ? At what proportions ? And if global, which country ?

ควรลงทุนหุ้นต่างประเทศหรือหุ้นไทยมากกว่ากัน ? สัดส่วนเท่าไหร่ ? ประเทศไหนดี ?

อันนี้เป็นวีดิโอต่อเนื่องจากก่อนหน้านี้ที่เราทำวีดิโอเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ  ผมรวบรวมคำถามเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นต่างประเทศที่คนถามเข้ามาเพิ่มเติมและยังไม่เคยตอบในวีดิโอครับ

ผมลงทุนในหุ้นไทยหรือหุ้นต่างประเทศมากกว่ากัน ?

ในเวลานี้เงินลงทุนอยู่ในหุ้นต่างประเทศเยอะกว่าเยอะครับ  ประมาณ 90% ได้  แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ชอบหุ้นไทยนะ  ที่ลงทุนในหุ้นต่างประเทศเยอะขนาดนั้นหลักๆเลยเพราะอย่างที่บอกอยู่ตลอดผมซื้อหุ้นประเภทที่ได้รับผลกระทบจากโควิดและต่างประเทศฉีดวัคซีนเร็วกว่าไทย  ดังนั้นเศรษฐกิจเค้าควรจะฟื้นก่อน  และถ้าโชคดีคือหุ้นต่างประเทศก็อาจจะฟื้นก่อนประเทศไทย  ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็จะขายหุ้นในต่างประเทศและดึงกลับมาลงทุนในไทยต่ออีกที  กะฉวยโอกาสทำกำไรจากโควิดหลายครั้ง  แต่ถ้าโชคไม่ดีหุ้นทั่วโลกฟื้นพร้อมๆกันก็ไม่เป็นไรยังไงก็กำไรอยู่ดีแค่อดกำไรเยอะเฉยๆ

ในความเห็นผม  ควรลงทุนในหุ้นไทยหรือหุ้นต่างประเทศมากกว่ากัน ? สัดส่วนเท่าไหร่ดี ?

จริงๆอันนี้มันแล้วแต่คนมาก  ยังไงก็ได้นะ  แต่โดยรวมคือผมว่าขึ้นอยู่กับเราตั้งใจจะศึกษาด้วยตัวเองแล้วซื้อหุ้นรายตัวหรือเปล่า

ถ้าสมมติเรากะศึกษาด้วยตัวเอง  งั้นอย่างนั้นไทยหรือต่างประเทศก็ไม่ค่อยเกี่ยวละ  เพราะเราก็ต้องมองหาบริษัทที่เข้าข่ายแนวการลงทุนของเราและมันก็ไม่เกี่ยวว่ามันอยู่ประเทศไหนป้ะ  เช่นอย่างผมคือมองหาบริษัททำธุรกิจที่เราชอบ, มีความเข้าใจและเชื่อว่ามันจะทำได้ดีต่อไปในอนาคตแล้วก็เล็งซื้อตอนมันราคาตกจากปัญหาที่คิดว่าชั่วคราว  ผมมองหาแบบนี้เป็นหลักและไม่สนว่ามันจะอยู่ประเทศไหน  ถ้าโอกาสแบบนี้หาได้ในไทยผมก็ซื้อหุ้นไทย  ถ้าหาเจอในหุ้นต่างประเทศผมก็ซื้อหุ้นประเทศนั้น  ความสำคัญของภาพรวมของประเทศหรืออะไรมันจะน้อยลงไปละ  เพราะเราไม่ได้ซื้อประเทศเราซื้อบริษัทที่บังเอิญอยู่ในประเทศนั้น  ดังนั้นในกรณีนี้ที่ถามว่าควรลงทุนต่างประเทศหรือไทยสัดส่วนเท่าไหร่จึงไม่มีความเกี่ยวข้องอะไร

แต่สมมติเราตั้งใจลงทุนกระจายความเสี่ยงด้วยกองทุน  ไม่ได้กะจะมาเลือกหุ้นรายตัว  งั้นเราสมควรมองภาพรวมของประเทศละ  เพราะเรากำลังซื้อภาพรวมของประเทศนั้นๆอยู่  ในกรณีนี้ผมว่าถ้าไม่ซีเรียสก็หุ้นไทย 50% ต่างประเทศ 50% ก็ได้นะ  วัตถุประสงค์คือการกระจายความเสี่ยงใช่มะ  กระจายประมาณนี้บวกลบก็น่าจะโอเคละ  แต่ทั้งนี้คือแล้วแต่คนสุดๆ  เอาไงก็เอาเถอะ  ถ้าใครอยากจะ 100% กระจายหุ้นทั่วโลกเลยก็ได้นี่  มันจะมีกองทุนที่ลงทุนตามดัชนีหุ้นทั่วโลกอยู่แล้วครับเช่นกองทุนที่ลงทุนตาม MSCI ACWI เป็นต้น

ต่างประเทศไปประเทศไหนดี ?

ถ้าไม่คิดอะไรมากก็กระจายสุดๆไปเลยก็ได้  อย่างที่บอกว่ามี MSCI ACWI  หรือไม่งั้นจะเลือกประเทศที่เราสนใจเชื่อว่ามีอนาคตก็ได้  แต่ต้องเข้าใจว่าทุกประเทศมันก็มีปัญหาของมันนะ  ไม่ใช่มีแต่เรื่องดี  อย่างอินเดียก็มีพวกเรื่องโกง, จีนเร็วๆนี้ก็มีรัฐบาลออกมาพยายามแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ, เวียดนามก็ยังไม่ได้เปิดให้ต่างชาติลงทุนเต็มที่  กองทุนที่ลงทุนในหุ้นเวียดนามก็ยังมีน้อย, ประเทศเจริญแล้วต่างๆส่วนใหญ่โตช้า

สรุปแล้วอย่าไปคิดอะไรเยอะไป  เอาประเทศที่เราคิดว่าดีแหละ  แค่อย่าไปคิดว่ามันจะดีแบบไม่มีข้อเสียเลยเท่านั้นเอง  คิดซะว่าการลงทุนในต่างประเทศด้วยนอกเหนือจากไทยเป็นการกระจายความเสี่ยงครับ

กองทุนต่างประเทศเราซื้อได้มั้ย ?

ได้  พวก ETF นะ  ซื้อได้เหมือนหุ้นต่างประเทศธรรมดาเลย  เราไปทำการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นต่างประเทศซะ  แล้วเราก็จะซื้อ ETF ได้ครับ

เงินไม่เยอะควรไปลงทุนต่างประเทศมั้ย ?

พิจารณาเทียบกับค่าธรรมเนียมขั้นต่ำละกันครับ  คือถ้ามันคุ้มก็ไม่มีปัญหา  ถ้าดูแล้วไม่คุ้มก็อย่าไป  อย่างหุ้น US ปัจจุบันผมเห็นของ SCBS เค้า 4.99 USD นะซึ่งคือประมาณ 150 บาทใช่มะ  ดังนั้นสมมติซื้อดัวยเงินซัก 50,000 บาท  ค่าธรรมเนียมมันจะคิดเป็น 0.3% ของมูลค่าการซื้อขาย  ก็แพงกว่าซื้อหุ้นในไทย 0.15% แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นไปไม่ได้นะ  แต่สมมติบอกซื้อ 10,000 บาท  ค่าธรรมเนียมซื้อขายมันจะกลายเป็น 1.5% ซึ่งเริ่มแพงเว่อร์ละ  เช็คเรื่องค่าธรรมเนียมกับโบรกเกอร์ที่เราจะเปิดกับเค้าดูครับ

ลงทุนหุ้นต่างประเทศแบบ DCA ได้มั้ย ?

เข้าใจว่าส่วนใหญ่คนที่ถามนี่เค้าจะรู้สึกว่า DCA มีปัญหาเพราะเรื่องค่าธรรมเนียม  ผมก็แนะนำว่า DCA ทุก 6 เดือนก็ได้นี่  DCA มันขอให้สม่ำเสมอก็ใช้ได้  ไม่ได้มีใครบอกว่ามันต้องทุกเดือนนี่ครับ

 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/

หรือ ทดลองเรียนฟรี

ถือเงินสดเยอะเกินไป ไม่ใช่เรื่องดี

Why holding too much cash is a problem

ถือเงินสดเยอะเกินไป ไม่ใช่เรื่องดี

ในวีดิโอนี้ผมพยายามจะอธิบายว่าทำไมการให้ทรัพย์สินเราอยู่ในรูปเงินสดเยอะเกินไปถึงไม่ดี

คือช่วงที่ผ่านมาผมเจอหลายคนที่เค้าถือเงินสดหรือเงินฝากเป็นสัดส่วนใหญ่มากของทรัพย์สินทั้งหมด  ส่วนใหญ่เหตุผลหลักคือเพราะรู้สึกว่ามันปลอดภัยไม่อยากเสี่ยงกับเหตุผลรองลงมาคือไม่รู้จะไปลงทุนในอะไรดี

ประเด็นที่ผมอยากจะบอกคือ  การถือเงินสดไว้บ้างนี่มันโอเคนะ  เพราะมันเป้นทรัพย์สินที่เด่นเรื่องสภาพคล่องสูง  ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินอะไรที่เราต้องใช้เงินขึ้นมาหรือเราตกงาน  การมีเงินสดสำรองไว้ก็จะทำให้ชีวิตปลอดภัย  แต่การถือเงินสดเยอะเกินไปเป็นอะไรที่เสี่ยงต่ออนาคตในระยะยาวไม่ใช่อะไรที่ปลอดภัย  เพราะหนึ่งเลยคือการถือเงินสดเท่ากับปล่อยให้ทรัพย์สินเราด้อยค่าไปเรื่อยๆหรือพูดอีกแบบนึงก็คือการถือเงินสดเท่ากับขาดทุนชัวร์

เหตุผลเพราะว่าแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยในระยะยาวเป็นขาลงเหมือนกันเกือบทุกประเทศ  ในขณะที่เงินเฟ้อส่วนใหญ่จะคงที่

อัตราดอกเบี้ยก็มีแนวโน้มที่จะต่ำแบบนี้ต่อไป  เพราะความต้องการสินเชื่อโดยรวมก็ต่ำลง  ในขณะที่คนมีการออมเยอะขึ้น  ซึ่งอาจจะมาจากคนอายุยืนขึ้น  บวกกับในปัจจุบันการปรับอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นเพื่อให้กลับไปสู่สภาพปกติถูกมองว่าเป็นนโยบายที่จะทำให้เศรษฐกิจหยุดโต  และในโลกมันก็มีเรื่องนู่นนี่โผล่มาทำให้คนกังวลกับสภาพเศรษฐกิจได้บ่อยๆ  อย่างช่วงก่อนโควิดนั่นก็มี Trump กับจีนแข่งกันตั้งกำแพงภาษีจนเริ่มมีผลกับเศรษฐกิจ  ตอนนั้น fed ก็มีปรับอัตราดอกเบี้ยลงมา

ดังนั้นสรุปแล้วการเก็บเงินอยู่ในรูปเงินสดเยอะไปมันเป็นภาระกับอนาคตของคุณแหละ  มันจะอันตรายแบบ slow death  อาจจะรู้สึกสบายใจตอนนี้ว่าเงินไม่หาย  แต่มันจะไปเงินไม่พอหรือไม่ก็ต้องลดระดับคุณภาพชีวิตตอนแก่ครับ

งั้นเราควรถือเงินสดเยอะแค่ไหน  ผมว่าเผื่อไว้สำหรับ

  • ค่าใช้จ่ายกรณีที่เกิดไม่มีรายได้  6 เดือนหรือนานเท่าที่คุณรู้สึกปลอดภัย
  • ค่าใช้จ่ายขนาดใหญ่ที่วางแผนไว้ว่าจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้

ส่วนที่เกินจากนั้นผมว่าคุณควรเอาไปลงทุนระยะยาว  แล้วก็แยกเงินที่กันไว้กับลงทุนเป็นคนละก้อนกัน  ถ้าเป็นไปได้เริ่มลงทุนเลยต่อให้รู้สึกไม่มั่นใจกับเศรษฐกิจแค่ไหนก็ตาม  อย่ากังวลมากเพราะถ้าตามสถิติต่อให้เราลงทุนไปช่วงหุ้นแพงพอดี  ในระยะยาวมันก็ยังดีกว่าเงินสดอยู่ดี  

ส่วนเรื่องลงทุนในอะไรดีจริงๆไม่ได้ต้องคิดมากก็ได้  ถ้าเอาง่ายสุดผมว่ากองทุนดัชนี SET เลย  เงินลงทุนเราจะกระจายในธุรกิจหลายประเภทในไทย  และโดยรวมเราก็จะโตไปไม่แพ้ประเทศไทยโดยรวม  หรือถ้ารู้สึกหุ้นเสี่ยงไปก็หุ้นกู้ก็ได้  เร็วๆนี้ผมเพิ่งเห็น CPALL ออกหุ้นกู้ผลตอบแทน 3% อยู่  แค่นั้นก็ดีกว่าเงินฝากละครับ

 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/

หรือ ทดลองเรียนฟรี

ซื้อหุ้นแบบทยอยซื้อ หรือแบบรวดเดียวไปเลย ดีกว่ากัน ?

Should I buy stocks periodically or rather a big one time buy ?

ซื้อหุ้นแบบทยอยซื้อ หรือแบบรวดเดียวไปเลย ดีกว่ากัน ?

มีคนถามว่าเค้ามีเงินลงทุนอยู่ก้อนนึง  อยากจะเอามาลงทุนในหุ้นระยะยาวไม่ได้กะซื้อขายบ่อยๆ  ควรจะทยอยลงทุนซื้อทีละหน่อยแบบ DCA หรือลงทุนแบบซื้อเยอะๆทีเดียวเลยดี

เอาจริงๆผมว่าอันนี้มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่ต้องมากังวลหรือคิดอะไรมากเกินไป  ยังไงก็ได้แหละครับ

ถ้าเอาตามวิชาการจริงๆเลยนะ  ควรลงแบบรวดเดียวหรืออย่างน้อยถ้าจะทยอยก็ไม่ควรจะยืดยาวใช้ระยะเวลานาน  สาเหตุเพราะโดยเฉลี่ยภาพรวมตลาดหุ้นเป็นทิศทางขาขึ้นมากกว่าขาลง  ดังนั้นการลงทุนยิ่งเร็วก็จะยิ่งทำให้เงินเราไปอยู่ในหุ้นเร็วขึ้นได้ประโยชน์จากการที่ตลาดโดยรวมสูงขึ้น  และโดยเปรียบเทียบแล้วผลตอบแทนเฉลี่ยของหุ้นก็ดีกว่าการถือเงินสดหรือเงินฝากด้วย

แต่การทยอยซื้อแบบ DCA ก็มีข้อดีในเรื่องความสบายใจครับ  ตรงที่มันลดความเสี่ยงกรณีที่ตอนที่เราเริ่มซื้อหลังจากนั้นตลาดมันตกพอดี  ลดความเสี่ยงที่เราจะมาเสียดายทีหลังเวลาตลาดตกว่ารู้งี้รอดีกว่าอะไรประมาณนั้น  การทยอยซื้อมันก็จะเฉลี่ยๆไปซื้อตอนตลาดขึ้นบ้างลงบ้าง  แต่โดยรวมมันจะห่วยกว่าซื้อรวดเดียวเพราะตลาดโดยเฉลี่ยภาพรวมมันเป็นขาขึ้นไง  มันไม่ใช่ขึ้นหรือลง 50-50  ดังนั้นการ DCA ก็มักจะทำให้ได้ซื้อมาแพงมากกว่าที่จะได้ซื้อมาถูก

สรุปคือเอาที่เราสบายใจแหละ  ยังไงก็ได้  ถ้าเอาตามหลักการก็ซื้อรวดเดียวโดยเฉลี่ยผลลัพธ์ดีกว่า  แต่ถ้ากลัวจะเสียดายก็ซื้อเฉลี่ยครับ

 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/

หรือ ทดลองเรียนฟรี

ผลประกอบการดี ทำไมราคาหุ้นไม่เห็นขึ้น ?

Why stock does not rise, even with good earnings report ?

ผลประกอบการดี ทำไมราคาหุ้นไม่เห็นขึ้น ?

มีคนสงสัยว่าทำไมหุ้นที่เค้าถืออยู่ผลประกอบการดีนะแต่ราคาหุ้นไม่เห็นขึ้นตาม

ก่อนอื่นที่อยากจะบอกคืออย่าใจร้อนครับ  ต่อให้ไม่มีปัจจัยอื่นมากระทบเลยบางทีมันต้องใช้เวลาซักพักเหมือนกันกว่าคนในตลาดจะเชื่อว่าบริษัทมันจะทำได้ดีจริงหรือจะทำได้ดีขึ้นต่อไปในอนาคต  หรือบางทีมันก็แค่ว่าบริษัทนี้คนยังไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าไหร่  มันต้องให้เวลาบริษัทพิสูจน์ตัวเองซักพักครับ

นอกเหนือจากนั้นแล้วบางทีในระยะสั้นมันมีเรื่องอื่นเข้ามาแทรกได้  คนอาจจะกังวลเรื่องโควิดอยู่

หรือบางที  ที่ผลประกอบการออกมาดีนั่น  ตลาดอาจจะคาดไว้อยู่แล้วก็ได้  หรือเผลอๆอาจจะดีนะแต่ดีน้อยกว่าที่ตลาดคาดก็ได้

ดังนั้นสรุปคืออย่าใจร้อน  ถ้าเรามั่นใจว่าบริษัทมีอนาคตผลประกอบการดีขึ้นต่อเนื่องไปอีกหลายปี  เราก็รออย่างใจเย็นครับ  ให้เวลาบริษัทมันทำได้ดีไปซักพักตลาดก็จะได้สติในที่สุดครับ

 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/

หรือ ทดลองเรียนฟรี

งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น งบนี้คืออะไร ?

What is Statement of Changes in Stockholders Equity

งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น งบนี้คืออะไร ?

บางทีจะมีคนถามถึงงบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้นว่าสำคัญมั้ย  ทำไมไม่ค่อยมีใครพูดถึงกัน

ที่คนไม่ได้พูดถึงกันเยอะเป็นเพราะมันไม่ได้เป็นงบการเงินหลักน่ะครับ  อย่างบางบริษัทถ้าไม่ใช่งบปีเค้าไม่รายงานงบอันนี้ด้วยซ้ำ

วัตถุประสงค์หลักของงบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้นก็คือตามชื่อมันน่ะครับ  คือมันแจกแจงรายการต่างๆในส่วนของผู้ถือหุ้น  รายการพวกที่เราเห็นบนงบดุลนั่นแหละ  แล้วก็บอกว่าที่ตัวเลขของแต่ละรายการมันเปลี่ยนแปลงไปมันเปลี่ยนเพราะเรื่องอะไร

ส่วนใหญ่ผมก็ไม่ได้สนใจดูเท่าไหร่  ที่เคยดูแล้วมีประโยชน์ก็จะมีตอนที่่ผมเห็นตัวเลขทุนเรือนหุ้นออกชำระแล้วมันเปลี่ยนไป  ผมก็จะอยากรู้ว่ามันเพราะอะไรเหรอ  ออกหุ้นใหม่หรือเปล่า  ถ้ามาดูตรงนี้ปกติมันก็จะบอกอยู่ว่าเปลี่ยนจากอะไรออกหุ้นใหม่หรือเป็นการปันผลเป็นหุ้นหรือเพราะอะไร

 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/

หรือ ทดลองเรียนฟรี