ตอนนี้เศรษฐกิจอเมริกาฟื้นไปถึงไหนแล้ว ? ธุรกิจไหนฟื้นก่อน ? ธุรกิจไหนยัง ?

How is the recovery on US economy ? Which sector and industry recover first ? Which have not recovered yet ?

ตอนนี้เศรษฐกิจอเมริกาฟื้นไปถึงไหนแล้ว ? ธุรกิจไหนฟื้นก่อน ? ธุรกิจไหนยัง ?

ผมไปอ่านเจอบทความอันนี้ของ Morningstar คุยเรื่องเศรษฐกิจอเมริกาว่าฟื้นมาขนาดไหนแล้วเทียบกับช่วงก่อนโควิด  ซึ่งเป็นเรื่องที่กำลังอยากรู้พอดี  คือผมอยากรู้ว่าเศรษฐกิจของอเมริกาหลังจากเปิดให้ธุรกิจห้างร้านกลับมาปกติเกือบหมดแล้วมันเป็นยังไงบ้าง  เพราะถึงจุดนึงคาดว่าประเทศไทยก็น่าจะตามรอยเค้านะ

อันนี้ให้ดูจากเวป USA Today ว่าล่าสุดรัฐสีเขียวเป็นส่วนใหญ่ละ  หมายความว่าพวกข้อจำกัดต่างๆจากโควิดไม่มีละ  บางรัฐที่เป็นสีชมพูคือรัฐที่เริ่มมีนโยบายระวังโควิดกลับขึ้นมาเนื่องจากการระบาดเริ่มเยอะขึ้น  ส่วนสีน้ำเงินคือตอนนี้ข้อจำกัดยังไม่ยกเลิกแต่กำลังจะผ่อนคลายลง

ผมสรุปคร่าวๆเนื้อหาที่เค้าพูดถึงในบทความอัพเดทให้ฟัง

  • เค้ามองว่าการระบาดของ Delta ยังไงก็ไม่น่าจะมีผลต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจเท่าไหร่  เพราะคนที่ฉีดวัคซีนแล้วก็จะป่วยแบบอาการไม่หนักดังนั้นก็จะใช้ชีวิตได้ปกติ  ส่วนคนที่ยังไม่ฉีดก็คือคนที่ไม่แคร์และใช้ชีวิตตามปกติอยู่แล้ว
  • ในเรื่องเศรษฐกิจโดยรวม  เค้าคาดว่า Real GDP (GDP ที่ตัดผลของเงินเฟ้อแล้ว) จะเติบโต 6% และ 4.3% ในปี 2022  หลักๆแล้วมาจากปัจจัยทางฝั่งอุปทานคนกลับมาทำงานกันเยอะขึ้น  อัตราการว่างงานต่ำลง  ด้านอุปสงค์ไม่น่าจะมีปัญหาเพราะปัจจุบันเราก็เห็นอยู่แล้วว่าเงินเฟ้อสูงขึ้นเป็นเพราะความต้องการสินค้าบริการกลับขึ้นมาเร็วกว่าทางฝั่งผู้ผลิต
  • ส่วนเรื่องการบริโภค  ของอุปโภคบริโภคนี่เป็นตัวนำเศรษฐกิจฟื้นเลย  หลักๆน่าจะมาจากการที่รัฐบาลออกนโยบายให้เงินกระตุ้น  ส่วนภาคบริการก็ฟื้นขึ้นมาอย่างเร็ว  แต่ปัจจุบัน Q2 2021 ยังต่ำกว่าช่วงก่อนโควิดอยู่ 3.3%  เชื่อว่าในอนาคตก็จะฟื้นตัวกลับไปสูงกว่าก่อนโควิด  Delta อาจจะทำให้ฟื้นช้าแต่คาดว่ายังไงก็ฟื้นแน่
  • กลุ่มธุรกิจร้านอาหารกับโรงแรม  ตอนนี้ต่ำกว่าช่วงก่อนโควิดแค่ประมาณ 3% เท่าน้ัน  ซึ่งถือว่าฟื้นมาเยอะมากเพราะเป็นกลุ่มธุรกิจที่กระทบหนักจริงๆ  ตอน Q2 2020 นี่ตกไป 40%
  • ธุรกิจกลุ่มสุขภาพตอนนี้ก็ต่ำกว่าก่อนโควิดประมาณ 4.3%  หลักๆมาจากการที่คนส่วนใหญ่ถ้าไม่จำเป็นก็ยังหลีกเลี่ยงการไปหาหมอเพราะความเสี่ยงจากการติดโควิด
  • สาเหตุที่ธุรกิจบริการบางประเภทฟื้นตัวเร็วกว่า  เช่นร้านอาหารดูฟื้นตัวเร็วกว่าบริการอย่างสุขภาพ  น่าจะเป็นเพราะธุรกิจบริการบางประเภทต้องมีการวางแผนล่วงหน้า  อย่างเช่นการท่องเที่ยว, คอนเสิร์ตหรือการรักษาทางการแพทย์ที่จริงจังอย่างผ่าตัด  พวกนี้ต้องใช้เวลาซักพักถึงจะเริ่มมองเห็นการฟื้นตัว
  • การจ้างงานฟื้นตัว  แต่ดูจะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด  เค้าคาดว่าการจ้างงานน่าจะฟื้นเต็มที่กลางปีหน้า  ณ ตอนนี้ Q2 2021 อัตราการจ้างงานยังต่ำกว่าก่อนโควิดอยู่ประมาณ 4.5%
  • ทั้งที่การจ้างงานจะยังไม่กลับมาเต็มที่  แต่ Real GDP ของ Q2 2021 ก็สูงกว่าที่คาด  มาจากการที่คนทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • พนักงานกำลังกลับไปทำงานในออฟฟิศ  เมื่อปีที่แล้วเค้าคาดว่าพนักงานประมาณ 40% ทำงานจากที่บ้าน  แต่ตอนนี้น่าจะเหลือประมาณ 20%  เมื่อจบเรื่องโควิดก็คาดว่าจะเหลือประมาณ 13% ซึ่งสูงกว่า 9% ช่วงก่อนโควิด
  • ส่วนที่ยังห่างไกลกับก่อนโควิดมากคือพวกการเดินทางเรื่องงาน  ธุรกิจที่พึ่งพาการเดินทางเรื่องงานก็น่าจะลำบาก  ต่อให้โควิดหายไปก็ยังไม่แน่ว่าจะฟื้นกลับมามั้ย  และในเวลานี้จากการสำรวจของ Deloitte ที่ทำกับธุรกิจใหญ่ๆคาดว่า Q2 2021 ที่ผ่านมาการใช้จ่ายเพื่อการเดินทางในธุรกิจอยู่ในระดับ 10-15% ของปี 2019  คาดว่าจะกลับไปที่ 75% ภายในสิ้นปี 2022
  • สำหรับคนที่สนใจจะอ่านบทความอันนี้ของ Morningstar ผมทิ้งลิ้งค์ไว้ให้ครับ  https://www.morningstar.com/articles/1056741/how-close-is-the-us-economy-to-normal

น่าสนใจอยู่นะ  ในแง่นึงมันก็ทำให้ผมรู้ว่าเศรษฐกิจของอเมริกานี่ฟื้นมาเยอะละนะ  และการที่เห็นตัวอย่างว่าธุรกิจอย่างร้านอาหารหรือสินค้าต่างๆฟื้นก่อนบริการประเภทอื่นก็เป็นอะไรที่มีประโยชน์  เผื่อถึงเวลาของไทยฟื้นผมก็จะซื้อหุ้นกลุ่มพวกนี้ก่อน

 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/

หรือ ทดลองเรียนฟรี

ทำไมวิกฤติโควิดรอบนี้ ตลาดหุ้นฟื้นเร็วจัง ?

How come after Covid, the stock market recover so fast this time ?

ทำไมวิกฤติโควิดรอบนี้ ตลาดหุ้นฟื้นเร็วจัง ?

มีคนสงสัยว่าทำไมเหตุการณ์โควิดครั้งนี้ตลาดหุ้นฟื้นกลับขึ้นมาเร็วจัง  ถ้าเทียบกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาในอดีตเวลามีวิกฤติเศรษฐกิจแล้วตลาดหุ้นตกรุนแรงมันจะใช้เวลานานเป็นปีกว่าตลาดหุ้นจะฟื้นกลับมาที่เดิม  แต่ครั้งนี้ทั้งที่จริงๆโควิดก็ยังไม่จบและเศรษฐกิจโดยรวมก็ยังไม่ฟื้นแต่ตลาดหุ้นดันฟื้นกลับขึ้นมาแล้ว  ถ้าไม่นับหุ้นที่โดนโควิดจังๆบางบริษัทราคาสูงกว่าก่อนโควิดอีก  ทำไมมันเป็นแบบนั้นล่ะ

เอาจริงๆผมก็ไม่ชัวร์ 100% นะ  ส่วนตัวก็นึกว่ามันจะใช้เวลานานกว่านี้เหมือนกัน  แต่ถ้าให้เดาก็คิดว่าน่าจะเป็นเพราะเหตุผลดังต่อไปนี้

1. โควิดมันเป็นปัจจัยภายนอก  วิกฤติไม่ได้เกิดจากฟองสบู่หรือคนทำอะไรโง่ๆ

อันนี้น่าจะเป็นเรื่องหลัก  คือวิกฤติเศรษฐกิจครั้งอื่นๆที่ผ่านมามันเกิดจากการที่คนในระบบเศรษฐกิจเอาเงินไปจมอยู่ในทรัพย์สินที่สุดท้ายเป็นฟองสบู่แล้วไม่เกิดประโยชน์ซะส่วนใหญ่  เช่นอย่างตอนช่วงต้มยำกุ้งนั่นธุรกิจจำนวนมากในไทยกู้ยืมเงินในสกุลต่างประเทศแล้วไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์  พอเงินบาทลอยตัวอ่อนค่าลงเยอะๆก็เลยทำให้หนี้สินที่เยอะพุ่งพรวดขึ้นไป  บวกกับที่ลงทุนไปเงินจมอยู่กับอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นฟองสบู่อีกก็เลยไปกันใหญ่  หรืออย่างวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ในอเมริกานั่นก็มาจากการปล่อยกู้ซื้อบ้าน subprime mortgage ให้คนที่ไม่มีความสามารถในการจ่ายด้วยความเชื่อว่าอสังหาริมทรัพย์ราคาจะสูงขึ้นไปเรื่อยๆ  เงินไปจมอยู่กับบ้านที่สุดท้ายไม่มีความต้องการเช่นกัน

แต่โควิดนี่มันไม่เหมือนกัน  ธนาคารพาณิชย์ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ปล่อยกู้มั่วซั่ว  ไม่ได้มีใครกู้ยืมเงินเกินตัวมาลงทุนทำอะไรไม่เกิดประโยชน์  ไม่ได้มาจากการฟองสบู่ในทรัพย์สินอะไร  เศรษฐกิจหยุดเพราะคนชะลอการใช้จ่ายจากมาตรการป้องกันการระบาดเท่านั้นเอง  ดังนั้นพอการระบาดลดลงคนก็กลับมาใช้จ่ายได้เร็วและดังนั้นเศรษฐกิจก็จะฟื้นเร็วกว่าครั้งก่อนๆ

2. รัฐบาลประเทศต่างๆให้ความช่วยเหลืออย่างเร็ว

รอบนี้พอมีปัญหา  เนื่องจากมันเป็นปัญหาจากปัจจัยภายนอก  รัฐบาลแทบทุกประเทศก็ไม่ลังเลที่จะให้ความช่วยเหลือทันที  ทั้งลดอัตราดอกเบี้ย, สั่งให้ยังไม่นับเป็นหนี้เสียบ้าง, ให้เงินช่วยเหลือธุรกิจให้ไม่ปลดพนักงาน, ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายบ้างแบบเราเที่ยวด้วยกันหรือคนละครึ่ง, ฯลฯ  โดยรวมเป็นการพยุงเศรษฐกิจไว้ไม่ให้ผลกระทบรุนแรงจนเกินไป  แล้วก็เลยทำให้บริษัทพวกที่ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงยังรอดอยู่ได้

3. คนอยู่บ้านกันเยอะ  ว่างก็เลยเริ่มมองหาอะไรทำที่มีผลตอบแทน

สุดท้าย  อาจจะเพราะมีนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาสนใจตลาดหุ้นเยอะขึ้นก็เป็นไปได้  เลยทำให้โดยรวมมีเม็ดเงินมาซื้อหุ้นกันเยอะขึ้น  ก็เลยทำให้ตลาดหุ้นฟื้นกลับขึ้นมาเร็วกว่าปกติหรือเปล่า

 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/

หรือ ทดลองเรียนฟรี

โควิดระบาดรอบ 2 นี่ นับเป็นโอกาสหรือเปล่า ?

Is the second COVID wave in Thailand considered opportunity ?

โควิดระบาดรอบ 2 นี่ นับเป็นโอกาสหรือเปล่า ?

มีคนถามความเห็นว่าสมมติ COVID เวฟสองนี้ระบาดรุนแรงขึ้นมาจนต้องมี lockdown อีกรอบ  แบบนี้ผมยังมองว่าเป็นโอกาสอยู่หรือเปล่า

อันนี้คือตอบแบบมองจากมุมของการลงทุนในหุ้นล้วนๆไม่นับความเสียหายต่อเศรษฐกิจหรือชีวิตคน  มันก็ขึ้นอยู่กับว่าตลาดหุ้นตกด้วยมั้ย  ถ้าไม่ตกก็ต้องไม่ใช่โอกาสแน่  แต่สมมติตลาดหุ้นตกรุนแรงผมก็เชื่อว่าเป็นโอกาสนะ

โดยภาพรวมสิ่งที่ผมมองคือแบบนี้

  • การจะให้ปัญหาจบสมบูรณ์การท่องเที่ยวกลับสู่ปกติ  ยังไงก็ต้องใช้วัคซีนหรือยา  ซึ่งประเด็นตรงนี้ก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป  ที่จริงแล้วดูจะดีขึ้นกว่าที่คาดด้วยซ้ำไปด้วยความที่มีวัคซีนที่ใช้ได้หลายอัน  ทดลองเสร็จเร็วกว่าที่คาด  และหลายประเทศก็เริ่มดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนแล้ว
  • การระบาดรอบสอง  ไม่ว่าจะทำการ lockdown หรือไม่  มันเป็นการทำให้ระหว่างทางที่จะไปถึงสภาพปกติเปลี่ยนไปเท่านั้นเอง  คือเปลี่ยนจากที่ธุรกิจพึ่งพาการกินใช้ของคนในประเทศได้ค่อนข้างปกติเพราะไม่มีการระบาดกลายเป็นการกินใชัของคนในประเทศก็อาจจะจำกัดไปด้วย  ดังนั้นก็เป็นการเพิ่มความเสี่ยงจริงๆเพราะมันก็จะมีผลกระทบกับผลประกอบการบริษัทในตลาด  จากบางบริษัทที่ตอนแรกเราคิดว่ารอดแน่นอนแล้วเพราะไม่ได้พึ่งพานักท่องเที่ยวอาศัยแค่คนในประเทศก็ยังกำไรพวกนี้ก็จะเสี่ยงเพิ่มขึ้นแน่ๆ
  • แต่ก็เป็นโอกาสด้วยเช่นกัน  เพราะอย่างที่บอกคือสุดท้ายจะจบได้ก็ต้องมีวัคซีนหรือยาอยู่ดี  และการที่ระบาดรอบสองก็แค่ทำให้ระหว่างทางลำบากมากขึ้นเท่านั้น  ภาพรวมยังเหมือนเดิม

ดังนั้นสิ่งที่่ควรทำผมก็แนะนำเหมือนเดิม  ก็มองภาพไกลหน่อยแล้วเห็นมันเป็นโอกาส  มองหาบริษัทที่มันได้รับผลกระทบแล้วราคาตกแต่เราเชื่อว่ามันจะทนได้นานพอแล้วรอดนั่นแหละ  แล้วก็อย่าตกใจเกินไป  สิ่งที่เราควรจะตกใจคืออะไรก็ตามที่ทำให้ปัญหาลากยาวออกไปกว่าที่คาดเยอะๆน่ะครับ  เช่นวัคซีนใช้ไม่ได้แล้ว

 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/

หรือ ทดลองเรียนฟรี

ทำไมเศรษฐกิจก็ยังไม่ดี แต่หุ้นดันขึ้น

The economy is still struggling from COVID, why is the stock market already pretty high.

ทำไมเศรษฐกิจก็ยังไม่ดี แต่หุ้นดันขึ้น

อันนี้ก็เป็นอะไรที่มีคนถามผมหลายครั้ง  วันนี้ผมจะพยายามอธิบายเรื่องนี้ครับ  หลักๆแล้วผมเชื่อว่าเป็นเพราะ 2 เหตุผล

  1. ตลาดหุ้นกับเศรษฐกิจ  มีความเกี่ยวข้องกัน  แต่มันไม่ใช่อันเดียวกัน
  2. อย่าลืมว่าบริษัทที่อยู่ในตลาดหุ้นได้เป็นบริษัทขนาดใหญ่  ดังนั้นตลาดหุ้นก็จะสะท้อนภาพของบริษัทขนาดใหญ่เป็นหลัก  มันไม่ได้เป็นตัวแทนของบริษัทร้านค้าขนาดเล็กขนาดกลางทั้งหมดที่อยู่ในประเทศ

    ดังนั้นเวลาเราเห็นตลาดหุ้นฟื้นมาแล้ว  อย่างของไทยนี่ 1,400 จุดเกือบเท่าก่อนโควิด  หรือบางประเทศดัชนีสูงกว่าก่อนโควิด  มันก็แค่สะท้อนภาพของบริษัทขนาดใหญ่ในประเทศที่มีกำไรมีเงินทุนสะสมหรือมีแหล่งเงินทุนที่ดีกว่า  มันไม่ได้สะท้อนภาพของเศรษฐกิจทั้งประเทศ

  3. นักลงทุนในตลาดหุ้นมองไปในอนาคต  ไม่ได้มองที่ปัจจุบันอย่างเดียว
  4. อย่างที่เค้าบอกกันคือตลาดหุ้นนี่มัน forward looking หมายความว่าคนที่มาลงทุนในตลาดหุ้นพยายามที่จะมองไปในอนาคตว่าจะเกิดอะไรขึ้นแล้วตัดสินใจลงทุน

ในเวลานี้ถ้าตลาดหุ้นจะฟื้นก็เข้าใจได้  เพราะวัคซีนทดสอบเฟส 3 สำเร็จแล้วและกำลังเริ่มกระจายไปประเทศต่างๆ  เราเริ่มเห็นบางประเทศเริ่มฉีดวัคซีนให้กับประชาชนแล้ว  ดังนั้นนักลงทุนก็เริ่มเห็นภาพว่าสถานการณ์จะกลับสู่ปกติได้เมื่อไหร่ยังไง  ซึ่งอันนี้แตกต่างจากภาพตอนต้นปีที่ตลาดตกรุนแรงมาก  ในเวลานั้นเรายังคุยกันอยู่เลยว่ากว่าจะได้วัคซีนอาจจะต้องเป็นปีๆอย่างเร็วอาจจะเป็น 2021  ดังนั้นเทียบกันแล้วในตอนนี้ถ้าตลาดหุ้นจะฟื้นขึ้นมาก็ไม่แปลกเท่าไหร่

ที่สำคัญอีกอย่างน่าจะเป็นเพราะคนเห็นว่านอกเหนือจากการท่องเที่ยวที่โดนเต็มๆแล้ว  ธุรกิจประเภทอื่นยังอยู่ในสภาพที่มีกำไรอยู่  โอเคแหละปีนี้อาจจะขายได้น้อยลงกำไรน้อยลง  แต่ก็มีกำไรนะ  ดังนั้นความเสี่ยงว่าจะถึงกับเจ๊งไปเลยก็น้อยลงไป

วัคซีนมาแล้ว หุ้นฟื้นเยอะแล้ว ยังเหลือโอกาสอะไรบ้าง ?

Dec update: Now that the vaccine is out. What to do next? What to buy?

วัคซีนมาแล้ว หุ้นฟื้นเยอะแล้ว ยังเหลือโอกาสอะไรบ้าง ?

เร็วๆนี้มีนักเรียนหลายคนที่ถามเกี่ยวกับสถานการณ์ตอนนี้ว่าวัคซีนออกมาแล้วและตลาดหุ้นฟื้นมาเยอะมากแล้ว  ลงทุนยังไงต่อดี  ควรจะรอให้ตลาดมันจะตกลงมาอีกมั้ย  อจ.ยังมีหุ้นกลุ่มไหนที่น่าสนใจเหลืออยู่อีกหรือเปล่า  วันนี้ผมรวมคำถามกลุ่มประมาณนี้มาตอบครับ  แต่เพื่อให้เข้าใจตรงกันบอกไว้ก่อนว่าผมตอบจากมุมมองผมนะ  ซึ่งหมายความว่ามันไม่ได้จำเป็นต้องถูกต้องและคุณก็ไม่ได้จำเป็นต้องเห็นด้วย

 

ในเวลานี้ในเมื่อภาพรวมเราเห็นชัดเจนแล้วว่าวัคซีนเริ่มแล้วและสุดท้ายเรื่องโควิดก็จะหายไปกลับสู่สภาพปกติ  เราไม่รู้อย่างชัดเจนว่าเมื่อไหร่จะปกติสมบูรณ์  แต่ถ้าเดาจากข่าวที่ออกเร็วๆนี้ประเทศหลักๆที่มีเงินก็น่าจะภายในปี 2021  ส่วนประเทศอื่นๆก็น่าจะเริ่มวัคซีนในปี 2021 น่ะแหละแต่กว่าจะเรียบร้อยอาจจะยาวไปถึง 2022

นั่นหมายความว่าผลประกอบการของธุรกิจโดยรวมก็น่าจะเริ่มกลับมาปกติมากขึ้นเยอะในปี 2021  และดังนั้นหุ้นโดยรวมก็จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

สำหรับเรานักลงทุน  ถ้าเราเชื่อว่าภาพรวมจะเป็นไปตามนี้และเรารับความเสี่ยงได้บ้าง  ในเวลานี้ผมว่าเราควรจะซื้อบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากโควิดจังๆแต่เราคิดว่ามันน่าจะรอดแล้วราคายังฟื้นไม่สมบูรณ์ทั้งหลายครับ

จริงอยู่  ในระหว่างทางที่มันจะฟื้นกลับไปสมบูรณ์  มันก็อาจจะมีหุ้นตกจากเรื่องนู่นนี่นั่นได้อีก  US อาจจะมี lockdown รอบ 2  หรือ Brexit แบบ no-deal หรือ ฯลฯ  มันก็เป็นไปได้แหละ  แต่ผมว่าอย่าไปตั้งความหวังจะรอมันเลย  คือเราไม่มีทางรู้ว่ามันจะเกิดขึ้นมั้ยหรือคนจะตกใจแค่ไหน  และโดยรวมถ้ามันจะมีตกก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะตกรุนแรงเท่าก่อนหน้านี้ในเมื่อตอนนี้สถานการณ์มันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ  ดังนั้นในความเห็นผมคืออย่ารอ

ส่วนที่ถามว่าหุ้นกลุ่มไหนยังดูน่าสนใจอยู่บ้าง  โดยส่วนตัวก็อย่างที่บอกคือกลุ่มที่โดนผลกระทบแต่คิดว่าน่าจะรอดเช่น

  • สนามบิน  ในบางที่ก็ฟื้นมาเยอะแล้ว  แต่เท่าที่ดูโซนยุโรปยังฟื้นไม่เต็มที่
  • โรงแรม  จะบอกว่าพวก brand แบบ global เช่น Hilton, Marriott, Hyatt, InterContinental พวกนี้ฟื้นมาเยอะแล้ว  แต่ในกลุ่ม local brand ที่ดังในประเทศตัวเองน่าจะยังหาได้อยู่  โดยเฉพาะพวกที่อยู่ในยุโรปที่ยังระบาดเยอะๆน่าจะยังไม่ฟื้น
  • โรงหนัง, โรงละคร, สวนสนุก  พวกนี้ก็น่าจะยังไม่ฟื้น  โดยเฉพาะโรงหนังในประเทศที่ยังระบาดเยอะอยู่นี่น่าจะหนักสุด
  • ร้านอาหาร, ผับบาร์  บางประเทศไม่เหมือนไทยที่การระบาดควบคุมได้แล้ว  ประเทศที่ยังระบาดเละอยู่พวกร้านอาหารหรือผับบาร์อาจจะเปิดไม่ค่อยได้  ดังนั้นพวกที่ราคาหุ้นยังไม่ฟื้นน่าจะหาได้อยู่
  • รถไฟ, รถไฟฟ้า, รถประจำทางและขนส่งมวลชนต่างๆ  พวกนี้ในไทยก็มี BTS, BEM  ไม่รู้ว่าฟื้นเต็มที่หรือยัง  แต่ในบางประเทศที่ระบาดรุนแรงอยู่พวกนี้ก็ได้รับผลกระทบเยอะเพราะคนไม่เดินทาง  ควรจะยังหาหุ้นถูกได้อยู่
  • ห้าง  ในไทยถ้าจำไม่ผิดก็จะยังไม่ค่อยฟื้น  ในยุโรปกับอเมริกาก็มี REIT ที่เป็นห้างอยู่  พวกนี้ก็น่าจะยังไม่ฟื้น
  • คอนโดที่อยู่อาศัย  ใน US มันจะมี REIT ที่ทำพวกนี้อยู่  พวกนี้ก็น่าจะยังไม่ฟื้น
  • หอพักนักศึกษา  ในประเทศที่คนชอบไปเรียนต่อกันอย่าง US, UK นี่จำได้ว่ามี REIT ที่ทำหอพักนักศึกษา  พวกนี้ก็อาจจะยังไม่ฟื้นดี
  • ออฟฟิศสำนักงาน  พวกนี้ก็น่าจะยังไม่ฟื้นดี  ควรจะหาโอกาสได้  มีทั้ง REIT ไทยและต่างประเทศ  ส่วนตัวผมไม่ค่อยสนใจของไทยเพราะมันเป็น leasehold
  • ธนาคารและพวกสินเชื่อ  พวกนี้ก็แน่นอนซึมตามสภาพเศรษฐกิจ  น่าจะหาพวกที่ยังไม่ฟื้นได้

ผมว่านี่ก็เยอะละนะ  อาจจะมีอย่างอื่นอีกที่ไม่ได้นึกถึง  อย่างที่บอกคือถ้ารับความเสี่ยงได้ตอนนี้พวกนี้ก็น่าสนใจนะ  คือบางอย่างตอนนี้อาจจะผลประกอบการขาดทุนอยู่เพราะโควิด  แต่ถ้าเราดูแล้วว่ามันมีเงินสดมากพอที่จะรอดไปได้  ก็น่าสนใจอยู่นะครับ

 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/

หรือ ทดลองเรียนฟรี

หุ้นไทยฟื้นมาเยอะแล้ว เราจะหาหุ้นถูกได้อยู่มั้ย ?

Stock market has recovered a lot. Can cheap stocks still be found?

หุ้นไทยฟื้นมาเยอะแล้ว เราจะหาหุ้นถูกได้อยู่มั้ย ?

อันนี้ก็เป็นคำถามที่มีคนถามผมหลายทีละ  ล่าสุดที่ดูคือ SET index อยู่แถว 1,340 จุดซึ่งเทียบกับก่อนจะตกรุนแรงจากโรคระบาดที่แถว 1,500 กว่า  โดยรวมก็ยังถูกกว่าช่วงต้นปีอยู่นะ  แสดงว่าราคาหุ้นโดยรวมก็ยังไม่ได้ฟื้นแบบสมบูรณ์  ดังนั้นถ้าพูดถึงโอกาสโดยรวมแบบไม่เดาทิศทางระยะสั้น  ถ้าเราเชื่อว่าสุดท้ายโรคระบาดจะจบและสถานการณ์จะกลับสู่ปกติก็ต้องบอกว่ายังโอกาสให้ซื้อได้อยู่นะ  ที่แน่ๆซื้อตอนนี้ก็ยังดีกว่าซื้อตอนต้นปี  แต่ทีนี้วีดิโอนี้เรามาลองดูไล่หุ้นรายกลุ่มอุตสาหกรรมกันว่า sector ไหนดูฟื้นตัวน้อยสุดครับ

ก่อนอื่นเพื่อเป็น benchmark เราจะวัด index ช่วงก่อนวิกฤติเป็นวันที่ 14 กุมภาพันธ์ละกันเพราะมันประมาณกลางเดือนพอดี  SET index ก่อนวิกฤติจะเป็น 1,526.30  และปัจจุบันตอนที่ผมดูอยู่ (เช้าของวันที่ 1 กรกฎาคม) index อยู่ที่ 1,346.69  ก็คือ -11.77% จากก่อนวิกฤติ

ทีนี้มาดู index ไล่ไปทีละอุตสาหกรรม  เริ่มจากอันแรก SET Agro (agriculture, food)  ก่อนวิกฤติอยู่ที่ 435.02  ตอนนี้อยู่ 423.55  ก็คือ -2.64% เทียบกับก่อนวิกฤติ  นี่แสดงว่าหุ้นกลุ่มนี้ฟื้นกลับมาเยอะกว่าหุ้นกลุ่มอื่นโดยเฉลี่ย

SET Consump (fashion, home, personal) ก่อนวิกฤติอยู่ที่ 92.61  ตอนนี้อยู่ 82.85  คิดเป็น -10.54% เทียบกับก่อนวิกฤติ  แสดงว่าหุ้นกลุ่มนี้ฟื้นกลับมาเยอะกว่าหุ้นกลุ่มอื่นโดยเฉลี่ย

SET Fincial (bank, finance, insurance) ก่อนวิกฤติอยู่ที่ 167.89  ตอนนี้อยู่ 124.50  คิดเป็น -25.84% เทียบกับก่อนวิกฤติ  แสดงว่าหุ้นกลุ่มนี้ยังไม่ค่อยฟื้นเทียบกับหุ้นกลุ่มอื่นโดยเฉลี่ย

SET Indus (auto, material, machinery, paper, petrochemical, packaging, steel) ก่อนวิกฤติอยู่ที่ 92.56  ตอนนี้อยู่ 87.33  คิดเป็น -5.65% เทียบกับก่อนวิกฤติ  ดูเหมือนหุ้นกลุ่มนี้ก็ฟื้นมาเยอะแล้วเทียบกับหุ้นกลุ่มอื่นโดยเฉลี่ย

SET Propcon (material, developer, PF&REIT, construction) ก่อนวิกฤติอยู่ที่ 119.68  ตอนนี้อยู่ 103.35  คิดเป็น -13.64% เทียบกับก่อนวิกฤติ  หุ้นกลุ่มนี้ก็ฟื้นมาน้อยกว่าเทียบกับหุ้นกลุ่มอื่นโดยเฉลี่ย

SET Resourc (energy, utilities, mining) ก่อนวิกฤติอยู่ที่ 213.01  ตอนนี้อยู่ 191.68  คิดเป็น -10.01% เทียบกับก่อนวิกฤติ  หุ้นกลุ่มนี้ฟื้นมาเยอะกว่าเทียบกับหุ้นกลุ่มอื่นโดยเฉลี่ย

SET Service (commerce, health, media, tourism, transport) ก่อนวิกฤติอยู่ที่ 479.18  ตอนนี้อยู่ 439.48  คิดเป็น -8.28% เทียบกับก่อนวิกฤติ  หุ้นกลุ่มนี้ทั้งที่มีการท่องเที่ยวก็ฟื้นมาเยอะกว่าเทียบกับหุ้นกลุ่มอื่นโดยเฉลี่ย

SET Tech (electronics, ICT) ก่อนวิกฤติอยู่ที่ 158.37  ตอนนี้อยู่ 145.44  คิดเป็น -8.16% เทียบกับก่อนวิกฤติ  หุ้นกลุ่มนี้ก็ฟื้นมาเยอะกว่าเทียบกับหุ้นกลุ่มอื่นโดยเฉลี่ย

สรุปคือถ้าดูแบบนี้จะเห็นว่าหุ้นกลุ่มที่ดูน่าสนใจเป็นพิเศษก็คือกลุ่ม financial กับ property&construction  เพราะฟื้นตัวน้อยกว่าเทียบกับกลุ่มอื่น  ส่วนพวกที่น่าสนใจน้อยสุดคือ agriculture&food กับ industrial

Agro -2.64%
Indus -5.65%
Tech -8.16%
Service -8.28%
Resourc -10.01%
Consump -10.54%
All -11.77%
Propcon -13.64%
Fincial -25.84%

แต่แน่นอนว่าเราก็ควรจะต้องไปดูว่าหุ้นในกลุ่มพวกนี้มีอะไรบ้างแล้วค่อยเลือกที่น่าสนใจอีกที  เราสามารถเข้าไปดูได้ในเวป SET ครับ  https://marketdata.set.or.th/mkt/sectorialindices.do?language=th&country=TH

 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/courses

อัพเดทสถานการณ์เศรษฐกิจ สรุปว่าจะฟื้นแล้วหรือยัง ?

How are the economy recoveries doing ?

อัพเดทสถานการณ์เศรษฐกิจ สรุปว่าจะฟื้นแล้วหรือยัง ?

วันนี้เรามาติดตามข่าวเรื่องเศรษฐกิจกันบ้างครับ

เมื่อเร็วๆนี้มีข่าวอัตราการว่างงานในอเมริกาลดลง  คนก็เลยเริ่มตื่นเต้นว่าเศรษฐกิจอาจจะฟื้นกลับมาเร็วกว่าที่คาด  เริ่มมีคนกลับมาพูดถึงการฟื้นตัวแบบ V-shape  และนักวิเคราะห์หลายคนก็เริ่มเปลี่ยนมุมมองละ  https://www.cnbc.com/2020/06/05/jobs-report-may-2020.html

ส่วนตัวผมมองว่าเศรษฐกิจมันจะฟื้นแบบ V-shape แหละ  แต่มันจะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อโรคระบาดมันถูกจัดการได้มียารักษาหรือมีวัคซีนแล้วเท่านั้นถึงจะจบจริง  ตัวเลขการว่างงานที่ดีขึ้นมากของ US มันก็ไม่ได้น่าแปลกใจอะไรก็ในเมื่อเค้าอนุญาตให้กลับมาเปิดร้านเปิดอะไรมันก็ควรเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว  แต่ต่อจากนี้ไปจนกว่าจะแก้ปัญหาได้จริงๆ  ผมเชื่อว่ามันก็อาจจะดีขึ้นหรือแย่ลงก็ได้ยังไม่ชัดเจน  เรื่องนี้ประเด็นมันอยู่ที่ 2 อย่าง

  1. พอเปิดธุรกิจกลับมา  จะกลับมาระบาดรุนแรงอีกหรือเปล่า
  2. กลับมาระบาดบ้างก็คงไม่ใช่ปัญหา  ตราบใดที่มันไม่ขึ้นแบบ exponential และระบบสาธารณสุขรองรับได้ก็โอเค

  3. สมมติรักษาระดับการระบาดให้ทรงๆได้  คนจะกลับมาใช้ชีวิตใช้จ่ายปกติขนาดไหน
  4. ส่วนตัวผมมองว่าปัจจัยที่ 1 ตราบใดที่ทำตรงนี้ได้ดี  ปัจจัยที่ 2 น่าจะไม่เป็นปัญหา  ถ้าคนเห็นว่าไม่กลับมาระบาดและควบคุมได้ก็น่าจะสบายใจมากขึ้นเรื่อยๆและกลับมาใช้จ่ายใกล้เคียงเดิม (ที่มันไม่เหมือนเดิม 100% เป็นเพราะผมยังเชื่อว่าการท่องเที่ยวจะยังไม่ฟื้นเป็นปกติ)

ดังนั้นตอนนี้ผมว่า key ของมันคือเรื่องการกลับมาระบาดแล้วล่ะ  ซึ่งถ้าเราดู timeline หลายๆประเทศรวมถึงไทยเริ่มทยอยอนุญาตให้ธุรกิจกลับมาเปิดเป็นปกติมากขึ้นตั้งแต่ช่วงต้น-กลางเดือนพฤษภาคม  ระยะฟักตัวโรคมันคือ 14 วันถูกมะ  ตอนนี้ผ่านสัปดาห์แรกของมิถุนายนมาแล้วก็น่าจะแปลว่านานเกิน 14 วันละ  เราน่าจะมาดูซักหน่อยว่าการระบาดในประเทศที่ก่อนหน้านี้อาการหนักแล้วได้มีการเริ่มเปิดธุรกิจกลับมาเป็นยังไงกันบ้างแล้ว

เท่าที่ดูเราจะเห็นว่าประเทศที่เปิดกลับมาแล้วดูสถานการณ์ควบคุมได้ก็มี  ไทย, เยอรมณี, อิตาลี, เกาหลี  แต่พวกที่ดูจะกลับมาเยอะหรือดูยังเยอะอยู่ก็มีอย่างอิหร่านและสหรัฐอเมริกา

คำถามคือแล้วถ้าเกิดกลับมาระบาดรุนแรงซึ่งก็ดูเป็นไปได้  เค้าจะต้องสั่งปิดธุรกิจอีกหรือเปล่า  ถ้าสั่งปิดอีกรอบผลกระทบกับเศรษฐกิจก็รุนแรงอย่างน้อยพอๆกับรอบที่แล้วแน่นอน  ตลาดหุ้นก็มีโอกาสตกรุนแรงอีกก็ได้  ดังนั้นอย่าเพิ่งสบายใจกันเกินไป  ผมว่ามันต้องคอยดูถึงซักสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ครับ

 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/courses