ก็คือแค่ว่าไม่สามารถซื้อขายบนตลาดหุ้นได้ เราจะยังเป็นเจ้าของหุ้นบริษัทจีนนั่นอยู่ แต่แค่ว่าไม่สามารถซื้อหรือขายหุ้นจีนนั่นบนตลาดหุ้นได้ก็เท่านั้นเอง ถ้าเกิดเราจะอยากขายขึ้นมาก็จะต้องทำแบบ Over the counter ซึ่งก็คือผ่านดีลเลอร์ สภาพคล่องก็จะน้อยกว่า โดยรวมด้วยความสภาพคล่องน้อยก็อาจจะทำให้ราคาที่ขายได้ต่ำกว่าที่จริงๆน่าจะได้ถ้าขายผ่านตลาดหุ้น
การทำแบบนี้เป็นการอำนวยความสะดวกดึงเอาหุ้นที่อยู่ในต่างประเทศมาให้นักลงทุนในประเทศลงทุนได้ โบรกเกอร์หรือธนาคารที่เป็นคนออก DR ก็ได้ค่าธรรมเนียมและบางทีจะมีหักปันผลที่ได้บางส่วนด้วย
ความต่างระหว่าง DR กับหุ้นจริงหลักๆคือ
1 DR อาจจะเท่ากับกี่หุ้นก็ได้แล้วแต่คนออกกำหนด
ราคาของ DR กับหุ้นมันจะสอดคล้องไปในทางเดียวกัน ส่วนใหญ่จะเท่าๆกัน แต่ไม่จำเป็นเสมอไป
ปันผลที่ได้จาก DR อาจจะไม่เท่าหุ้นจริง
การออก DR ไม่ได้ทำให้เกิด dilution เพราะจำนวนหุ้นเท่าเดิม
แต่สรุปแล้วการลงทุนใน DR มันก็เกือบจะเหมือนลงทุนในหุ้นจริงแหละ
ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ
หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂
เรื่องผลตอบแทนนี่อาจจะตอบยากนิดนึง เพราะมันก็มีบางประเทศที่ผลตอบแทนแย่กว่าไทย และบางประเทศผลตอบแทนดีกว่าไทย ถ้าดูโดยภาพรวมเราก็เปรียบเทียบผลตอบแทนเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาระหว่าง MSCI ACWI (all country world index) กับ SET Total Return Index MSCI ACWI ผลตอบแทนเฉลี่ย 8.7% ต่อปี ในขณะที่ SET Total Return Index ผลตอบแทน 0.94% เท่านั้นเอง ซึ่งก็แปลว่าตลาดหุ้นต่างประเทศผลตอบแทนดีกว่า
แต่ทีนี้ในทางปฏิบัติเราก็คงไม่ได้ซื้อหุ้นทุกประเทศแบบ MSCI ACWI และเวลาซื้อหุ้นไทยเราก็ไม่ได้ซื้อทั้ง SET เช่นเดียวกัน ผมมองว่าเรื่องผลตอบแทนดีกว่าหรือเปล่านี่น่าจะแล้วแต่การตัดสินใจเลือกหุ้นของเรามากกว่า