บัญชีพื้นฐาน 3:  งบกำไรขาดทุน

Basics in Accounting 3: Income Statement

คุณว่าอะไรสำคัญที่สุดในการทำธุรกิจครับ แน่นอนก็ต้องเป็นการทำกำไรใช่มั้ยครับ เพราะถ้าไม่กำไรก็ไม่รู้จะทำไปทำไมใช่มั้ย ดังนั้นถ้าคุณกำลังจะเป็นนักลงทุนแล้วเริ่มต้นลงทุนในหุ้นซักตัว สิ่งสำคัญอันดับแรกก่อนอย่างอื่นที่เราจะอยากรู้เกี่ยวกับหุ้นนั้นก็คือสรุปบริษัทนี้มันกำไรหรือไม่ สำหรับคนที่จะลงทุนด้วยตัวเองไม่ดูไม่รู้เรื่องพวกนี้ไม่ได้เลย ดังนั้นผมเลยเขียนบทความนี้อธิบายคร่าวๆว่างบกำไรขาดทุนคืออะไร มีไว้ทำอะไร ส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยอะไรบ้าง เผื่อคุณจะไปลองเปิดหัดอ่านเล่นได้ง่ายขึ้นครับ

งบกำไรขาดทุน เป็นงบที่รายงานผลประกอบการครับ ดังนั้นในภาพรวมแล้วสิ่งที่อยู่ในงบกำไรขาดทุนก็คือรายได้ต่างๆว่ามีอะไรบ้างเป็นจำนวนเท่าไหร่ และรายจ่ายว่ามีอะไรบ้างเป็นจำนวนเท่าไหร่ แล้วสุดท้ายเหลือเป็นกำไรหรือขาดทุนเท่าไหร่ โดยปกติแล้วจะมาในรูปรายไตรมาส (รอบ 3 เดือน) คือบันทึกกำไรขาดทุนที่เกิดขึ้นในช่วงสามเดือน กับรายปี ก็คือบันทึกกำไรขาดทุนที่เกิดขึ้นในช่วง 1 ปี

ทีนี้หน้าตาการเขียนอาจจะต่างออกไปแล้วแต่ความซับซ้อนของกิจการ แต่โดยรวมๆจะมีองค์ประกอบประมาณนี้คือ

เริ่มจากรายได้ก่อนเสมอ เรียงตามความเกี่ยวข้องกับกิจการ ประมาณนี้

  • รายได้จากการขายหรือให้บริการ อันที่เป็นตัวหลักของธุรกิจ
  • รายได้ที่ไม่ใช่กิจกรรมหลัก เช่น ค่าปรับที่ลูกค้าจ่ายช้า หรือรายได้จากค่าเช่าสถานที่ที่บริษัทมีแต่ไม่ได้ใช้เอง ฯลฯ
  • กำไรจากการขายสินทรัพย์ถาวร เช่นขายตัวเครื่องจักรทิ้งได้ราคาสูงกว่าที่คาด

แล้วก็กลุ่มค่าใช้จ่าย เช่นกันจะเรียงตามความเกี่ยวข้องกับกิจการ ประมาณนี้

  • ต้นทุนตรงของสินค้าหรือบริการ
  • ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับกิจการหลักเช่น ค่าการตลาด, ค่าจ้างพนักงาน, ค่าเสื่อมของทรัพย์สิน, ฯลฯ
  • ขาดทุนจากการขายสินทรัพย์ถาวร ไอเดียก็กลับกันกับอันที่เป็นรายได้น่ะครับ
  • ค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่กิจกรรมหลัก หลักๆจะเป็นค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยกับภาษีเงินได้ สองอย่างนี้ไม่นับเป็นกิจกรรมทางธุรกิจ

ส่วนสุดท้ายเค้าก็จะมีการสรุปครับ ว่าสรุปกำไรหรือขาดทุนเป็นจำนวนเงินทั้งหมดเท่าไหร่ แล้วก็จะมีการหารจำนวนหุ้นบอกด้วยว่านับเป็นกำไรหรือขาดทุนคิดต่อหุ้นเท่าไหร่ บางบริษัทจะมีพวกรายการที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงมาปรับอีกนิดหน่อยเพื่อให้สมบูรณ์ขึ้น เช่นถ้าสินทรัพย์ที่ถือเอาไว้เผื่อขายมีการเปลี่ยนแปลงมูลค่ามากขึ้นหรือน้อยลง เค้าก็จะบันทึกเป็นรายการท้ายสุด เพราะอันนี้คือยังไม่ได้ขายจริง เหมือนเวลาราคาหุ้นที่เราถือขึ้นหรือลงแต่เรายังไมได้ขายรับรู้น่ะครับ

ภาพรวมมันจะประมาณนี้ ไม่มีอะไรยากครับ เราต้องเข้าใจได้แน่นอนอย่าไปตกใจกลัวแค่เห็นเลขมันเยอะ ไม่มีอะไรครับ ทุกอย่างเข้าใจได้ ว่าแล้วก็ลองไปหาหัดอ่านดูครับ