เรื่องจีน ผมเปลี่ยนใจละ

I changed my mind on China.

เรื่องจีน ผมเปลี่ยนใจละ

ผมเปลี่ยนใจเรื่องจีน

ในวีดิโอก่อนๆที่ผ่านมาที่ผมพูดถึงหุ้นจีน โดยรวมผมจะมีมุมมองที่ดี แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจละ ก็เลยมาทำวีดิโอพูดถึงเอาไว้ครับ

ก่อนหน้านี้ ผมจะมีมุมมองที่ดีเพราะเศรษฐกิจจีนเติบโต, หุ้นจีน P/E ถูก ติดปัญหาแค่หาข้อมูลยากกับเสี่ยงจากการแทรกแซง ก็ซื้อกองทุนรวมเอา



แต่ล่าสุดผมเปลี่ยนใจเพราะ
ผมเพิ่งมีโอกาสไปเจอข้อมูลบน Bloomberg พบว่าตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงโดยรวมการเติบโตของกำไรต่อหุ้นเลวร้ายมาก ในช่วงตั้งแต่ 2016 ถึง 2022 เติบโตเพียง 1% กว่าๆต่อปีเท่านั้น สาเหตุที่มันดูแตกต่างจากการเติบโตของเศรษฐกิจมากเป็นเพราะอะไรอันนี้ผมไม่รู้ แต่ด้วยข้อมูลนี้หมายความว่าถ้าเราจะคาดหวังว่าหุ้นจีนกับฮ่องกงโดยรวมจะราคาสูงขึ้น ก็ต้องอาศัย multiples อย่างเดียวเลย
หนังสือเรื่อง Why Nations Fail นำเสนอเหตุผลพยายามอธิบายสาเหตว่าทำไมบางประเทศเจริญและบางประเทศล้มเหลว คือเค้ากำลังบอกว่าระบอบการปกครอบแบบอำนาจกระจายในวงกว้างหรืออยู่ในหมู่คนกลุ่มแคบๆ จะเป็นตัวกำหนดว่าประเทศนั้นจะล้มเหลวหรือเปล่า ประเทศที่อำนาจอยู่ในหมู่คนกลุ่มแคบๆ ก็มักจะมาพร้อมกับเศรษฐกิจที่เอาเปรียบและเอื้อประโยชน์กับคนกลุ่มแคบๆนั้น และก็จะกลัวความเปลี่ยนแปลงกลัวนวัตกรรมเพราะอาจจะทำให้ตัวเองเสียอำนาจ ผมรู้สึกว่ามันมีเหตุผลอยู่ แล้วพอมองประเทศจีน เราก็เห็นวี่แววสถานการณ์ที่แย่ลง เราเห็น Xi Jinping เริ่มออกกฎให้ตัวเองอยู่ในอำนาจเอาพวกตัวเองเข้ามาอยู่ในตำแหน่งสำคัญ เป็นการทำให้อำนาจอยู่กับคนกลุ่มเล็กลงเรื่อยๆ ผมได้ยินมานานแล้วจากเพื่อนที่ทำงานอยู่บริษัทที่จะเอาสินค้าไปขายในจีน ก็จะถูกสั่งว่าต้องทำงานกับบริษัทนั้นนี้เท่านั้น เราเห็นนโยบายเศรษฐกิจที่เริ่มพยายามควบคุมกำกับบริษัทเทคโนโลยี หรืออยู่ดีๆก็จัดการโรงเรียนกวดวิชา, ห้ามโรงเรียนสอนหลักสูตรนานาชาติ, หยุด Ant Financial ซึ่งอาจจะมาแข่งกับธนาคารที่ภาครัฐเป็นเจ้าของ, ฯลฯ นานๆไปในที่สุดก็จะไม่มีใครอยากจะพัฒนาหรือทำอะไรเพราะวันดีคืนดีก็อาจจะโดนจัดการได้ ทำให้เชื่อว่าโครงสร้างรูปแบบการปกครองของจีนจะทำให้การเติบโตหยุดในที่สุด ทั้งที่จริงๆแล้วคนจีนเป็นคนที่ขยัน, สร้างสรรค์และกล้าที่จะทำนู่นทำนี่มากๆ

ดังนั้นสรุปคือ ในเมื่อ Fact มันบอกว่าบริษัทในตลาดหุ้นจีนโดยรวมไม่โตเลย บวกกับตอนนี้ผมไม่เชื่อว่าจีนด้วยการปกครองแบบนี้ต่อไปจะสามารถเติบโตไปได้เรื่อยๆ ก็เลยเป็นเหตุผลที่เปลี่ยนมุมมองครับ และก็เลยอยากจะทำวีดิโอสื่อสารให้ชัดๆเพราะแตกต่างไปจากวีดิโอที่พูดมาในอดีตมาก

 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/

หรือ ทดลองเรียนฟรี

ถ้าต้องเลือกถือกองทุนเดียวล่ะ จะเลือกกองไหน ?

If I can only choose one fund to invest in, what would it be?

ถ้าต้องเลือกถือกองทุนเดียวล่ะ จะเลือกกองไหน ?

อันนี้เป็นคำถามต่อจากอันที่แล้ว ว่าสมมติเลือกลงทุนในกองทุนเดียวจะเลือกอะไร

คำถามนี้ง่าย อย่างที่เคยเล่าให้ฟังในวีดิโอเรื่องเลือกกองทุน ส่วนตัวผมนิยมกองทุนดัชนีอยู่แล้ว ถ้าต้องเลือกลงทุนในกองทุนกองเดียวเท่านั้นเลยผมก็จะลงในกองทุนที่ลงทุนแบบ passive ใน S&P 500 ครับ

เหตุผลก็ไม่ได้มีอะไรมาก ค่อนข้าง bias ด้วยซึ่งคือ
U.S. เป็นประเทศที่มีความเสรีสูง มีคนที่เป็นนักวิทยาศาสตร์หรือ entrepreneur ลองนู่นลองนี่เยอะ
บริษัทใน S&P 500 ก็คือบริษัทที่ใหญ่สุดใน U.S. 500 บริษัท ซึ่งจำนวนพอสมควรทำธุรกิจอยู่นอก U.S. ด้วย ไม่ใช่ว่าพึ่งพาเศรษฐกิจของ U.S. อย่างเดียว
บริษัทขนาดใหญ่ดูจะมีความได้เปรียบ
ดัชนีมีการเปลี่ยนแปลง 500 บริษัทที่ว่านี่เป็นระยะ

ที่ผ่านมาก็ทำได้ดีอยู่ ผลตอบแทนเฉลี่ย 10 ปีที่ผ่านมาคือ 12.49% ต่อปีเลยทีเดียว

มีคนถามว่าทำไมไม่เลือกหุ้นโลกเหรอ ทำไม S&P 500 ซึ่งเป็น U.S. เท่านั้นล่ะ อันนี้ก็ไม่ได้มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ ผมแค่รู้สึกว่าประเทศอเมริกาเป็นประเทศที่โดยโครงสร้างเอื้อให้มีนวัตกรรมเท่านั้นเอง ซึ่งผมว่าเรื่องนี้ไม่เท่ากันทั่วโลกนะ

ผมแนะนำว่าถ้าไม่ใช่เพื่อภาษีอย่าง RMF, SSF ก็ลงทุนซื้อ ETF ตรงไปเลยจะดีกว่าลงทุนผ่าน feeder fund ในไทย เพราะค่าธรรมเนียมถูกมาก 0.03% เท่านั้น ETF ของ Blackrock กับ Vanguard ตัวย่อ IVV กับ VOO ครับ เหมือนกัน อันไหนก็ได้



 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/

หรือ ทดลองเรียนฟรี

ถ้าต้องถือหุ้นเดียวเลยถือหุ้นอะไร ?

What one stock will I buy if I have to hold it forever?

ถ้าต้องถือหุ้นเดียวเลยถือหุ้นอะไร ?

มีคนถามว่าสมมติผมต้องถือหุ้นเดียวเลยไปยาวๆจะถือหุ้นอะไร

เอาจริงๆอันนี้ยากนะ ผมก็ชอบหลายบริษัทแต่พอโจทย์คือต้องหุ้นเดียวยาวนี่ทำให้ยากเพราะเราก็รู้ว่าโลกมีการเปลี่ยนแปลง ธุรกิจที่ดีวันนี้อนาคตอาจจะตกยุคตายไปก็ได้

ดังนั้นถ้าต้องหุ้นเดียวจริงๆ มั่นใจสุดคงเป็น Berkshire Hathaway มั้ง แน่นอน Warren Buffet อาจจะไม่ได้อยู่ไปตลอด แต่ด้วยความที่ตอนนี้ Berkshire Hathaway เป็น Holdings Company ที่มีบริษัทลูกในกลุ่มที่ทำได้ดีจำนวนมาก และมีถือหุ้นบริษัทที่ดีที่อยู่ในตลาดหุ้นอีก โอกาสที่จะเละเทะก็จะยากหน่อย

อันนี้เอามาให้ดู ตัวอย่างบริษัทที่เป็นบริษัทลูก ไม่แน่ใจว่าครบมั้ยนะ

ส่วนนี่ก็จะเป็นตัวอย่างบริษัทที่เค้ามีถือหุ้น อันนี้จะเปลี่ยนแปลงบ่อยหน่อย ดังนั้นเช่นกันอาจจะไม่ครบหรือมีการเปลี่ยนแปลง

แล้วที่ผ่านมาเค้าก็ทำได้ดีนะ

บางคนบอกหุ้น Berkshire Hathaway แพงมากซื้อไม่ไหว แนะนำให้ซื้อ Class B ครับ ราคาจะเป็นประมาณ 1 ใน 1,500 ของ Class A สัดส่วนความเป็นเจ้าของในแง่ส่วนแบ่งกำไรจะเหมือนซอยย่อย Class A ลงมาเป็น 1 ใน 1,500 สอดคล้องกับราคาหุ้น ที่แย่กว่าคือเรื่องสิทธิในการโหวตเท่านั้นเอง จะเป็น 1 ใน 10,000 ของ Class A ซึ่งเอาจริงเราก็คงไม่ได้สนใจอยู่แล้ว

 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/

หรือ ทดลองเรียนฟรี

REIT ใน U.S. ทำไม payout ratio เกิน 100% ได้ ?

Why are U.S. REITS having over 100% dividend payout ratio?

REIT ใน U.S. ทำไม payout ratio เกิน 100% ได้ ?

มีนักเรียนมีคำถาม เค้าไปเจอ REIT ต่างประเทศที่ Dividend payout ratio เกิน 100% อย่างต่อเนื่องหลายปี แล้วก็เลยสงสัยว่าเป็นไปได้ยังไงที่มันเกิน 100% ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ใน REIT ไทย

อันนี้เป็นคำถามที่ดีนะ เผื่อคนไม่คุ้นเคย Dividend payout ratio คืออัตราส่วนระหว่างจำนวนเงินที่จ่ายปันผลเทียบกับกำไรสุทธิ Dividend payout ratio 50% ก็คือจากกำไรสุทธิ 100 จ่ายออกมาเป็นปันผล 50 ถ้า Dividend payout ratio มากกว่า 100% ก็คือกำไรสุทธิ 100 จ่ายออกมาเป็นปันผลเกิน 100 ซึ่งมันไม่ควรจะเป็นอะไรที่ทำได้ตลอด ทำบางปีอาจจะได้ แต่โดยหลักการมันไม่ควรจะทำได้ต่อเนื่อง ก็เลยเป็นเหตุผลที่นักเรียนเรามีความสงสัย

ตัวอย่างที่นักเรียนผมพูดถึงก็จะเป็น Realty Income ซึ่งเป็น REIT เจ้าใหญ่ใน US

จะสังเกตว่า payout ratio ก็เกิน 100% ตลอดจริงๆ

ให้ดูอีกตัวอย่าง W. P. Carey เป็น REIT ขนาดใหญ่เช่นกัน

สังเกตว่าคล้ายกันตรงที่ payout ratio เกิน 100% ตลอด

ประเด็นเรื่องนี้สมัยที่เริ่มดู REIT ใน U.S. ตอนแรกๆผมก็เคยสงสัยเหมือนกัน สิ่งที่ผมเจอคือเป็นเพราะวิธีการบันทึกบัญชีมันไม่เหมือนกับที่ไทยครับ คือ REIT ที่อเมริกาเค้ามีการบันทึกค่าเสื่อม ในขณะที่ REIT ที่ไทยไม่บันทึกเพราะมองว่าเป็น investment

เพื่อให้เห็นภาพเดี๋ยวผมเปิดเทียบให้ดู

ส่วนสาเหตุว่าทำไมบันทึกต่างกัน ผมเข้าใจว่าเพราะในมุมของ US GAAP เค้ามองว่า REIT นี่เป็น operating assets ในขณะที่ของไทยมองว่าเป็น investment assets ครับ

สมมติเราคำนวณ payout ratio เองเลยนะ เอาแบบตรงๆ เราจะได้ว่า
Realty Income 208.58%, 342.21%
W. P. Carey 143.48%, 190.65%

แต่สมมติเราคำนวณ payout ratio แบบตัดผลของ depreciation ออกไป เราจะได้ว่า
Realty Income 72.13%, 97.84%
W. P. Carey 77.97%, 88.41%

ดูปกติขึ้นมะ มันเป็นเพราะแบบนี้แหละครับ ตอบคำถามว่าทำไม payout ratio ของ REIT ใน U.S. มันถึงสูงเกิน 100% ตลอด

ทีนี้โดยปกติ REIT ใน U.S. นี่เค้าจะรายงานตัวเลข Funds From Operations (FFO) กับ Adjusted Funds From Operations (AFFO) ประกอบในรายงานด้วย และปกติธุรกิจนี้เวลาเค้าพูดถึงการจ่ายปันผลเค้าจะเทียบ payout ratio กับไม่ FFO ก็ AFFO มากกว่าที่จะเทียบกับ Net Income ตัวเลขพวกนี้ก็จะเป็นตัวเลขที่มีการบวกกลับค่าเสื่อมและมีการปรับตัวเลขด้วยรายการอื่นอีก มันจะไม่ได้ตามมาตรฐานบัญชี US GAAP แต่มันเป็นตัวเลขที่อุตสาหกรรมนี้เค้าตกลงร่วมกันว่าช่วยให้เข้าใจผลการดำเนินงานของ REIT มากขึ้นและเพื่อให้นิยามการคำนวณเหมือนกันเค้าจะอิงตาม NAREIT ผมทิ้งลิ้งค์ไว้ให้สำหรับคนที่มีความสนใจ REIT ใน U.S. ควรต้องอ่านครับ
https://www.reit.com/sites/default/files/2018-FFO-white-paper-(11-27-18).pdf

 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/

หรือ ทดลองเรียนฟรี

จ่ายปันผลเป็นหุ้น บันทึกบัญชียังไง ?

How do you record stocks dividend?

จ่ายปันผลเป็นหุ้น บันทึกบัญชียังไง ?

จ่ายปันผลเป็นหุ้น บันทึกบัญชียังไง ?

ไม่แน่ใจว่าทำไมมีทั้งนักเรียนและคนทั่วไปถาม แล้วถามเจาะจงวิธีบันทึกบัญชีของการจ่ายปันผลเป็นหุ้นด้วยนะ แต่อันนี้ง่ายจริง ผมทำวีดิโอตอบครับ

เพื่อให้เข้าใจตรงกัน การจ่ายปันผลเป็นหุ้นมันคือการจ่ายปันผลแบบบริษัทไม่ได้มีการจ่ายเงินอะไรออกมา แต่เป็นการออกหุ้นใหม่ให้กับคนที่ถือหุ้นอยู่แล้วเป็นสัดส่วนกับจำนวนที่ถืออยู่ อย่างเช่นสมมติเค้าบอก 1 หุ้นใหม่ต่อ 10 หุ้นเดิม ก็คือแปลว่าถ้าเรามีหุ้นอยู่ 10 หุ้นเราก็จะได้เพิ่ม 1 หุ้น ถ้ามี 20 หุ้นก็จะได้ 2 หุ้น

ทีนี้มาพูดถึงการบันทึก งบการเงินมันมี 3 อันหลักคือ
– งบกำไรขาดทุน
– งบแสดงสถานะทางการเงิน
– งบกระแสเงินสด

เวลาบันทึกบัญชีเราก็ต้องใช้ความเข้าใจความหมายของงบ แล้วพิจารณาการจ่ายปันผลเป็นหุ้นว่ามันควรบันทึกยังไง
– งบกำไรขาดทุนไม่บันทึก เพราะการจ่ายปันผลเป็นหุ้น ไม่ได้ทำให้บริษัทกำไรมากขึ้นหรือน้อยลง การจ่ายปันผลเป็นหุ้นไม่ได้ทำให้บริษัทขายของได้มากขึ้นหรือเป็นค่าใช้จ่าย
– งบกระแสเงินสดก็แน่นอนว่าไม่เกี่ยว เพราะการจ่ายปันผลเป็นหุ้นไม่ได้มีการขยับของเงินสด ไม่มีการได้รับเงินสด และไม่มีการจ่ายเงินสด
– งบแสดงสถานะทางการเงิน อันนี้ถึงจะเกี่ยว เพราะมันมีส่วนที่แสดงตัวเลขรายการส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ การจ่ายปันผลเป็นหุ้นยังไงต้องมีจำนวนหุ้นเพิ่มย่อมต้องเกี่ยวแน่

วิธีการบันทึกบัญชีก็จะเป็น เพิ่มทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้วเป็นจำนวนเท่ากับจำนวนหุ้นที่ปันผลทั้งหมดคูณ par เช่นสมมติออกหุ้นใหม่ทั้งหมด 20 หุ้นและพาร์หุ้นละ 10 บาท ก็คือเพิ่มทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้ว 200 บาท จากนั้นก็ลดกำไรสะสมที่ยังไม่ได้จัดสรรไปเป็นจำนวนเท่ากัน 200 บาท งบก็จะดุลละ แค่นี้แหละครับ

แล้วสมมติว่าเป็นฝั่งได้รับการปันผลเป็นหุ้นล่ะ

วิธีการบันทึกก็ง่ายเพราะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับงบกำไรขาดทุนและงบกระแสเงินสดเช่นกัน และจริงๆก็ไม่เกี่ยวกับงบแสดงสถานะทางการเงินด้วยเพราะการได้รับปันผลเป็นหุ้นไม่ได้ทำให้มูลค่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้นหรือลดลง อย่างมากก็บันทึกรายละเอียดว่าจำนวนหน่วยลงทุนที่บริษัทถืออยู่เพิ่มขึ้นกับมูลค่าต่อหน่วยที่ถือลดลงเป็นสัดส่วนที่ทำให้มูลค่ารวมอยู่เท่าเดิมก็เท่านั้นเอง

อนาคตเผื่อมีคำถามอะไรที่เกี่ยวข้องกับการบันทึกบัญชี ผมแนะนำว่า Google หาแล้วอ่านมาตรฐานการบันทึกที่เป็นทางการเลยจะชัวร์สุดครับ ส่วนตัวเวลาผมสงสัยผมก็ทำแบบนั้นเหมือน

ยกตัวอย่างเช่นสมมติกรณีนี้เลยจ่ายปันผลเป็นหุ้นบันทึกบัญชียังไง เค้าจะอธิบายไว้แบบนี้ครับ
https://www.tfac.or.th/upload/9414/NxXYuS6oyY.pdf
 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/

หรือ ทดลองเรียนฟรี

ดูหุ้นบริษัทนึงใช้เวลานานมั้ย ?

How long does it take to look at a company?

ดูหุ้นบริษัทนึงใช้เวลานานมั้ย ?

มีคนถามว่าปกติดูหุ้นบริษัทนึงนานมั้ยกว่าจะตัดสินใจว่าจะลงทุนหรือไม่ลงทุน

โดยส่วนตัวของผมก็น่าจะซักอาทิตย์นึงบวกลบ ส่วนใหญ่จะเริ่มทำการดูจริงจังก็ต่อเมื่อรู้สึกว่าเป็นบริษัทที่น่าสนใจ ไม่รู้สึกว่าจะเข้าใจยากจนเกินไป แล้วก็ราคาตกลงมาเยอะระดับนึงแตะ Alert ที่ตั้งไว้ ไอเดียหลักๆที่บอกดูประมาณอาทิตย์นึงก็จะประมาณนี้

วันสองวันแรก เอาเรื่องว่าบริษัททำอะไร, ที่ผ่านมาเป็นยังไงกับราคามันตกเพราะอะไรให้เรียบร้อย อ่านเอกสารล่าสุดอย่าง 56-2, Annual report, Quarterly report, ข่าวสารว่าเกิดอะไรขึ้น พยายามให้เห็นภาพความเป็นไปของบริษัทให้มากที่สุด เค้ากำลังทำอะไรอยู่และกำลังพยายามไปทางไหน สินค้าเค้าถ้ามีรูปมีวีดิโออธิบายสินค้าอะไรพวกนี้ยิ่งดี

วันสองวันถัดมา ก็จะเป็นเรื่องว่าสรุปบริษัทนี้มันทำได้ดีเพราะอะไรนะ รีวิวลูกค้า, รีวิวพนักงาน, บทความมีใครพูดถึงบริษัทนี้มั้ย, YouTube อะไรเอาให้หมด พยายามเก็ทไอเดียว่ามันมีคนพูดถึงเยอะหรือน้อย ถูกเอาไปเปรียบเทียบกับคู่แข่งมั้ย เป็นผู้นำในเรื่องไหนบ้าง ทำไมขายดี

วันสองวันถัดมาอีก โฟกัสไปยังเรื่องอุตสาหกรรมกับเรื่องแวดล้อมของบริษัทมากขึ้น ถ้ามีคู่แข่งโดยตรงอยู่ในตลาดหุ้นคือต้องไปอ่านเลย พยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ของอุตสาหกรรมให้ได้มากที่สุดที่เป็นไปได้ แข่งกันยังไง มีความเคลื่อนไหวอะไรบ้าง

สุดท้ายเลยก็พิจารณาดูว่าเรารู้สึกว่าเรามีความมั่นใจขนาดไหนว่าบริษัทจะทำได้ดีต่อไป ปัญหาที่เกิดขึ้นที่ทำให้หุ้นตกแต่แรกนีมันจะทำให้บริษัทเละมั้ย ยังสนใจอยู่หรือเปล่า หรือยังมีอะไรติดค้างที่รู้สึกว่าต้องศึกษาเพิ่มเติมมั้ย ถ้าสนใจอยู่ก็ประเมินมูลค่าว่าราคาถูกพอมั้ย ถ้ายังติดค้างก็ไปทำความเข้าใจเรื่องนั้น หรือถ้าไม่สนใจละไม่ค่อยแน่ใจอนาคตก็ดรอปมันไป เท่านั้นเองครับ

สรุปคือ ประมาณ 1 สัปดาห์ และการทำแบบนี้ก็จะจำกัดขอบเขตสิ่งที่ผมลงทุนในระดับนึง อะไรยากจัดๆที่ดูว่าจะเข้าใจนี่คงต้องนานส่วนใหญ่ผมก็ปล่อยไป
 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/

หรือ ทดลองเรียนฟรี

ทำไมฟองสบู่คริปโตแตกดูไม่ค่อยมีผลกับเศรษฐกิจ ?

Why the crypto crash doesn't seem to affect the economy?

ทำไมฟองสบู่คริปโตแตกดูไม่ค่อยมีผลกับเศรษฐกิจ

มีคนถามว่าอย่างตลาดคริปโต crash รุนแรง มีบริษัทเจ๊งก็เยอะ FTX, BlockFi, etc. ความเสียหายก็เป็นหลักพันล้านเหรียญ ทำไมมันไม่เป็นวิกฤติเศรษฐกิจหรืออะไร ไม่เห็นเหมือนปี 2008

อันนี้ผมก็ไม่ได้ตามละเอียดนะพูดจริงๆ แต่เข้าใจว่าเป็นเพราะหลักๆเลยคือมันไม่ได้รับเงินกู้ยืมหรือ leverage อะไรจากธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินหลัก

ประเด็นที่ทำให้ subprime 2008 อลังการมากนอกเหนือจากว่าขนาดของมูลค่า subprime mortgage มันสูงแล้วก็คือการที่มันมีการกู้ยืมเงินมาลงทุนจำนวนมาก แล้วพอสินทรัพย์พวกนี้มูลค่าลดลงฮวบ ธนาคารอะไรก็เจ๊งไปด้วย แล้วก็เลยลามไปธุรกิจอื่นเพราะธนาคารไม่ปล่อยสินเชื่อ แต่พอเป็นคริปโตเข้าใจว่าเงินส่วนใหญ่มาจากการลงทุนของ VC หรือกู้ยืมมากจากกลุ่มบริษัทที่อยู่คริปโตด้วยกันเป็นหลัก ธนาคารพาณิชย์เกือบทั้งหมดไม่มี exposure หรือมีน้อยมาก ดังนั้นถ้าคริปโตจะเจ๊งก็เจ๊งกันไป ไม่มีใครเดือดร้อนนอกวงพวกนี้

ผมเคยเห็นรายงานอันนึงของ Financial Stability Oversight Council ที่พูดถึงกรณี Three Arrows Capital เจ๊งหลังจากที่มูลค่าของ Terra/Luna หดไปตอนนั้น

จะเห็นว่ากลุ่มพวกนี้มันเกี่ยวกับหมด คนให้ยืมเงินกับ Three Arrows Capital อย่าง BlockFi, Voyager, Genesis, Celsius พวกนี้ก็เกี่ยวกับคริปโตหมด แล้วพอ Three Arrows Capital เจ๊งก็ลาก BlockFi, Voyager, Celsius, FTX, Alameda เจ๊งไปด้วย ซึ่งก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใคร

ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่มันไม่ spillover ไปยังธุรกิจอื่นครับ