REIT ใน U.S. ทำไม payout ratio เกิน 100% ได้ ?

Why are U.S. REITS having over 100% dividend payout ratio?

REIT ใน U.S. ทำไม payout ratio เกิน 100% ได้ ?

มีนักเรียนมีคำถาม เค้าไปเจอ REIT ต่างประเทศที่ Dividend payout ratio เกิน 100% อย่างต่อเนื่องหลายปี แล้วก็เลยสงสัยว่าเป็นไปได้ยังไงที่มันเกิน 100% ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ใน REIT ไทย

อันนี้เป็นคำถามที่ดีนะ เผื่อคนไม่คุ้นเคย Dividend payout ratio คืออัตราส่วนระหว่างจำนวนเงินที่จ่ายปันผลเทียบกับกำไรสุทธิ Dividend payout ratio 50% ก็คือจากกำไรสุทธิ 100 จ่ายออกมาเป็นปันผล 50 ถ้า Dividend payout ratio มากกว่า 100% ก็คือกำไรสุทธิ 100 จ่ายออกมาเป็นปันผลเกิน 100 ซึ่งมันไม่ควรจะเป็นอะไรที่ทำได้ตลอด ทำบางปีอาจจะได้ แต่โดยหลักการมันไม่ควรจะทำได้ต่อเนื่อง ก็เลยเป็นเหตุผลที่นักเรียนเรามีความสงสัย

ตัวอย่างที่นักเรียนผมพูดถึงก็จะเป็น Realty Income ซึ่งเป็น REIT เจ้าใหญ่ใน US

จะสังเกตว่า payout ratio ก็เกิน 100% ตลอดจริงๆ

ให้ดูอีกตัวอย่าง W. P. Carey เป็น REIT ขนาดใหญ่เช่นกัน

สังเกตว่าคล้ายกันตรงที่ payout ratio เกิน 100% ตลอด

ประเด็นเรื่องนี้สมัยที่เริ่มดู REIT ใน U.S. ตอนแรกๆผมก็เคยสงสัยเหมือนกัน สิ่งที่ผมเจอคือเป็นเพราะวิธีการบันทึกบัญชีมันไม่เหมือนกับที่ไทยครับ คือ REIT ที่อเมริกาเค้ามีการบันทึกค่าเสื่อม ในขณะที่ REIT ที่ไทยไม่บันทึกเพราะมองว่าเป็น investment

เพื่อให้เห็นภาพเดี๋ยวผมเปิดเทียบให้ดู

ส่วนสาเหตุว่าทำไมบันทึกต่างกัน ผมเข้าใจว่าเพราะในมุมของ US GAAP เค้ามองว่า REIT นี่เป็น operating assets ในขณะที่ของไทยมองว่าเป็น investment assets ครับ

สมมติเราคำนวณ payout ratio เองเลยนะ เอาแบบตรงๆ เราจะได้ว่า
Realty Income 208.58%, 342.21%
W. P. Carey 143.48%, 190.65%

แต่สมมติเราคำนวณ payout ratio แบบตัดผลของ depreciation ออกไป เราจะได้ว่า
Realty Income 72.13%, 97.84%
W. P. Carey 77.97%, 88.41%

ดูปกติขึ้นมะ มันเป็นเพราะแบบนี้แหละครับ ตอบคำถามว่าทำไม payout ratio ของ REIT ใน U.S. มันถึงสูงเกิน 100% ตลอด

ทีนี้โดยปกติ REIT ใน U.S. นี่เค้าจะรายงานตัวเลข Funds From Operations (FFO) กับ Adjusted Funds From Operations (AFFO) ประกอบในรายงานด้วย และปกติธุรกิจนี้เวลาเค้าพูดถึงการจ่ายปันผลเค้าจะเทียบ payout ratio กับไม่ FFO ก็ AFFO มากกว่าที่จะเทียบกับ Net Income ตัวเลขพวกนี้ก็จะเป็นตัวเลขที่มีการบวกกลับค่าเสื่อมและมีการปรับตัวเลขด้วยรายการอื่นอีก มันจะไม่ได้ตามมาตรฐานบัญชี US GAAP แต่มันเป็นตัวเลขที่อุตสาหกรรมนี้เค้าตกลงร่วมกันว่าช่วยให้เข้าใจผลการดำเนินงานของ REIT มากขึ้นและเพื่อให้นิยามการคำนวณเหมือนกันเค้าจะอิงตาม NAREIT ผมทิ้งลิ้งค์ไว้ให้สำหรับคนที่มีความสนใจ REIT ใน U.S. ควรต้องอ่านครับ
https://www.reit.com/sites/default/files/2018-FFO-white-paper-(11-27-18).pdf

 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/

หรือ ทดลองเรียนฟรี

เลือกหุ้นปันผลยังไงให้ปันผลโตทุกปี + ไม่ติดดอย ?

How to Pick Great Dividend Stocks?

เลือกหุ้นปันผลยังไงให้ปันผลโตทุกปี + ไม่ติดดอย ?

เหตุผลหลักที่คนลงทุนในหุ้นปันผลก็เพราะอยากได้กระแสเงินสดสม่ำเสมอที่ดีกว่าเงินฝากประจำเป็นหลัก ส่วนเป้าหมายรองถ้าเป็นไปได้ก็อยากมีโอกาสได้ผลตอบแทนในรูปของราคาหุ้นที่สูงขึ้น ถ้าทำได้แบบนั้นก็คือสุดยอดเลยครับ แต่หลายครั้งที่พอซื้อหุ้นไปแล้วพบว่าได้ปันผลอยู่ทีเดียวบ้าง หรือปันผลลดลงเรื่อยๆทุกปีบ้าง และหนักกว่านั้นคืออาการแบบนี้มักจะถูกซ้ำด้วยราคาหุ้นตกลงไปกว่าตอนซื้ออีก ผิดวัตถุประสงค์ถึงขั้นรู้งี้ฝากธนาคารดอกเบี้ย 1% ยังดีกว่า

วันนี้ผมมาแนะนำวิธีการเลือกหุ้นปันผลยังไงให้ได้ปันผลเติบโต และยากจะขาดทุนจากราคาหุ้นตกกันครับ (จะบอกราคาหุ้นไม่มีทางตกก็เป็นไปไม่ได้)

1. เลือกบริษัทที่เข้มแข็งและกำไรสม่ำเสมอ
เลือกหุ้นปันผลก็เหมือนเลือกหุ้นธรรมดาตรงที่ยังไงก็ต้องเลือกบริษัทที่มีความเข้มแข็ง เพราะอย่าลืมว่าปันผลสุดท้ายมันจ่ายมาจากกำไร ถ้าบริษัทกำไรไม่ดีหรือขาดทุนต่อให้วันนี้จ่ายปันผลสูง สุดท้ายก็จะไม่มีเงินจ่ายปันผลในที่สุดอยู่ดี อย่าไปคิดว่าแค่เพราะวันนี้บริษัทจ่ายปันผลสูงจะแปลว่ามันจะจ่ายแบบนั้นตลอดไป
วิธีดูว่าบริษัทไหนเข้มแข็งและกำไรสม่ำเสมอแบบง่ายๆเริ่มจากพิจารณาว่าบริษัทนั้นเป็นบริษัทที่มีอำนาจบังคับผู้บริโภคให้ซื้อสินค้าได้หรือเปล่า แล้วก็ไปเปิดดูผลประกอบการแบบสรุปบนเวป SET ดููว่าที่ผ่านมาถ้ากำไรไม่เพิ่มก็อย่างน้อยให้มันคงที่

2. เลือกที่ Dividend Yield สูงพอสมควร
Yield ต่ำเกินไปเช่น 0.5% ก็ไม่ใช่เรียกว่าหุ้นปันผล แต่ถ้าสูงเกินไปเช่นหุ้น Yield เกิน 5% ก็อาจจะมีผลประกอบการอะไรผิดปกติทำให้คนไม่อยากซื้อราคามันเลยต่ำเลยทำให้ Yield สูง ส่วนตัวผมมองว่า Dividend Yield ประมาณ 2.5-5% นี่กำลังดี

3. มองหาบริษัทที่มีช่องทางเติบโต
สองข้อก่อนหน้านี้คือเพื่อให้อย่างน้อยเราได้ปันผลสม่ำเสมอ แต่ถ้าเราจะให้อนาคตปันผลเยอะขึ้นและราคาหุ้นสูงขึ้นด้วยเราก็ต้องหาบริษัทที่มีการเติบโต
วิธีดูว่าบริษัทจะเติบโตหรือไม่ก็อาจจะต้องใช้การศึกษาเพิ่มเติมบ้าง หลักๆเลยคือดูว่าบริษัททำธุรกิจอะไร อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นหรือไม่ แล้วปัจจุบันบริษัทมีแผนทำอะไรใหม่ๆบ้าง

4. เลือกที่ Payout Ratio ต่ำ
Payout Ratio ว่าง่ายๆคือทุกกำไร 100 บาท บริษัทจ่ายออกมาเป็นปันผลเท่าไหร่
บริษัทที่ปัจจุบัน Payout Ratio ต่ำได้เปรียบเพราะว่า
● ในอนาคตถ้ากำไรไม่โต ก็อาจจะเพิ่มปันผลได้อยู่โดยการเพิ่ม Payout Ratio ในขณะที่บริษัทที่ Payout Ratio สูงมากแล้วก็จะทำได้แค่ปันผลคงที่
● Payout Ratio ที่น้อยแปลว่าบริษัทมีการกันเงินเก็บไว้ สามารถเอาไปลงทุนเพิ่มทำให้กำไรเติบโตได้ในอนาคต

และนี่คือหลักการเลือกหุ้นปันผล จะสังเกตว่ายังไงการเลือกหุ้นก็ต้องดูคุณภาพของกิจการเป็นหลัก ถ้าทำได้ตามวิธีการที่ให้ไว้นี้ผมมั่นใจว่าเราจะได้หุ้นปันผลที่เราจะถือกินปันผลไปได้ยาวๆแน่นอนครับ

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg