สมมุติรู้ว่าบริษัทผลประกอบการจะแย่ลง แต่ไม่รู้ว่าจะแย่ลงขนาดไหน เราควรตัดสินใจยังไงต่อ ?

What to do when we're not certain about the magnitude of the impact of an event on a stock ?

สมมุติรู้ว่าบริษัทผลประกอบการจะแย่ลง แต่ไม่รู้ว่าจะแย่ลงขนาดไหน เราควรตัดสินใจยังไงต่อ ?

มีนักเรียนเราถามว่า  สมมติมีหุ้นบริษัทที่เราชอบราคาตก  เรารู้สาเหตุว่าทำไมราคามันตก  ดูแล้วจะมีผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัท  อาจจะระยะยาวด้วย  แต่เราไม่รู้ว่าผลกระทบของเหตุการณ์มันขนาดไหน  กรณีแบบนี้เราจะตัดสินใจยังไงต่อ

ตอบตามตรง  เคสประเภทนี้คือยากครับ  มีความเสี่ยงสูงกว่าปกติด้วย  เพราะอันนี้เรารู้แล้วว่ามันไม่ใช่ปัญหาชั่วคราวละ  มันดูเป็นปัญหาระยะยาวถาวร  ปกติแล้วผมก็ทำอยู่ 2 แบบ

  1. ข้าม  ก็คือถ้าเสี่ยงเกินไปก็ไม่ต้องดูก็ได้  ไปดูหุ้นบริษัทอื่นดีกว่า
  2. ถ้าจะเอาจริงๆก็คงต้องเดาระดับความเสียหายเผื่อๆเอา  เช่นเดาไปเลยว่ากำไรหดไป -50% แล้วดูว่าถ้าเป็นแบบนั้นจริงแล้วหุ้นมันยังดูน่าสนใจอยู่มั้ยราคาถูกมากพอหรือเปล่า

อย่างมากสุดเราก็ทำได้ประมาณนี้แหละครับ

 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/

หรือ ทดลองเรียนฟรี

กรองหุ้นอย่างเร็วใน 10 นาที

Quickly screen opportunities in 10 minutes

กรองหุ้นอย่างเร็วใน 10 นาที

มีคนถามว่าหุ้นมีเยอะไปหมด  จะไปอ่านหรือศึกษาอย่างละเอียดทั้งหมดก็ไม่น่าเป็นไปได้  ปกติผมมีเกณฑ์ในการกรองยังไงว่าหุ้นไหนน่าสนใจ  วีดิโอนี้เราตอบคำถามเรื่องนี้ครับ

เดี๋ยวสิ่งที่ผมจะทำคือไล่ให้ฟังว่าสมมติผมเห็นบริษัทหรือหุ้นอะไรซักอันเป็นครั้งแรก  ผมมองยังไงว่าน่าสนใจดูต่อหรือเปล่า  แต่คุยให้เข้าใจตรงกันไว้ก่อนว่านี่มันคือเอาไว้สำหรับกรองขั้นแรกอย่างรวดเร็วเท่านั้น  มีประโยชน์ในการตัดบริษัทที่ดูไม่เข้าท่าชัดเจนออกไป  ไม่ได้แปลว่าบริษัทที่ผ่านการกรองมานี่คือซื้อเลย  ไม่ใช่ทำแค่นี้แล้วตัดสินใจนะยังไงก็ต้องไปศึกษาจริงจังอยู่ดี

  1. ดูว่าบริษัททำอะไรก่อนเลย  แล้วก็พิจารณาว่า
    • ชอบธุรกิจเค้ามั้ย  ถ้าต้องถือยาวอย่างน้อย 3 ปีสบายใจที่จะถือหรือเปล่า
    • ดูแล้วน่าจะมีความได้เปรียบหรือเปล่า
  2. มีกำไรหรือยัง
  3. ผลประกอบการดูสม่ำเสมอหรือแกว่ง
  4. กระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวกหรือเปล่า
  5. ROE ไม่ต่ำเกินไป
  6. ช่วงที่ผ่านมาราคาตกอยู่หรือเปล่า

ประมาณนี้เลย  ปกติแล้วถ้าสมมติมันผ่านเกณฑ์ทั้งหมดนี้นะ  ผมก็จะรีบดูต่อละ  ถ้าครบหมดขาดข้อสุดท้ายก็ยังดูใช้ได้นะ  แต่แค่ไม่ได้ต้องรีบดูตอนนี้  ผมก็จะเก็บชื่อมันไว้เผื่อราคาตกหรือว่างจริงๆค่อยกลับมาดูครับ

 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/

หรือ ทดลองเรียนฟรี

หุ้นแบบไหน ที่ผ่านมาชนะตลาด ?

Style factor investing

หุ้นแบบไหน ที่ผ่านมาชนะตลาด ?

มันมีคนถามผมอยู่เหมือนกันว่าเรื่องการลงทุนในหุ้นนี่  ในเมื่อตลาดหุ้นก็อยู่มาตั้งนานแล้วและเรามีข้อมูลย้อนหลังทั้งงบการเงินและราคาหลายปีมาก  ทำไมเราไม่มีคำตอบที่ชัดเจนซะทีว่าลงทุนในหุ้นแบบไหนถึงจะให้กำไรสูงสุด  มันยังไม่มีคนไปศึกษาจริงจังหรือไง

จริงๆมันมีการศึกษาเยอะอยู่ครับ  วันนี้ผมมาเล่าให้ฟังถึง Factor หรือลักษณะของหุ้น 6 อย่างที่เค้าศึกษาแล้วพบว่าโดยรวมให้ผลตอบแทนสูงกว่าปกติในระยะยาวครับ

1. Value

อันนี้คือหุ้นที่ราคาที่ต่ำเทียบกับตัวเลขปัจจัยพื้นฐานบางอย่างของหุ้นเช่นกำไร, มูลค่าทางบัญชี, ยอดขายหรืออื่นๆ  ที่ได้รับความนิยมก็จะเป็นตัวราคาเทียบกับ Book value (มูลค่าทางบัญชี)

2. Size

เค้าพบว่าบริษัทที่ขนาดเล็กผลตอบแทนดีกว่าบริษัทขนาดใหญ่  ใหญ่เล็กในที่นี้วัดจาก Market Capitalization

3. Yield

หุ้นที่ Dividend yield หรือปันผลต่อราคาหุ้นสูงจะให้ผลตอบแทนดีกว่า

4. Momentum

เค้าพบว่าราคาหุ้นมีพฤติกรรมที่เป็นเทรนด์ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง  หุ้นที่ขึ้นก็มักจะขึ้นต่อไปซักพัก  หุ้นที่ราคาตกก็มักจะตกต่อไปซักพัก  ดังนั้นวิธีการก็คือลงทุนในหุ้นที่ในช่วงที่ผ่านมาผลตอบแทนดีกว่าตลาด  เพราะมันจะมีแนวโน้มที่จะผลตอบแทนดีกว่าตลาดต่อไปอีกซักพัก  ระยะเวลาที่เค้าเจอว่า Momentum ยังมีผลก็จะประมาณ 3-12 เดือน

5. Quality

อันนี้พูดถึงโดยรวมว่าบริษัทที่ปัจจัยเชิงคุณภาพดีกว่าเฉลี่ยให้ผลตอบแทนดีกว่า  ปัจจุบันยังไม่ได้มีว่า “คุณภาพ” ที่ว่านี่คือเรื่องอะไรกันแน่  มีทั้งที่บอกดู ROE, การเติบโต, ความสม่ำเสมอของกำไร, D/E ต่ำ, กระแสเงินสดเทียบกับกำไร, ฯลฯ

6. Volatility

อันนี้เป็นอันที่แปลกที่สุดละ  คือเค้าพบว่าตรงกันข้ามกับทฤษฎีที่บอกว่าหุ้นที่มีความผันผวนสูงก็ควรจะผลตอบแทนสูง  ปรากฎว่าสิ่งที่เค้าเจอคือหุ้นที่ความผันผวนต่ำดันผลตอบแทนสูงกว่าไม่สอดคล้องกับทฤษฎี

 

น่าสนใจมะ  ทั้งนี้ผมย้ำอีกทีว่านี่คือการศึกษาโดยรวมไม่ได้ดูไปที่หุ้นใดหุ้นหนึ่ง  เค้าไม่ได้บอกว่าหุ้นขนาดเล็กหรือหุ้นที่ P/BV ต่ำต้องผลตอบแทนดีทุกบริษัทนะ  เค้าพูดถึงโดยรวม  และอีกอย่างที่อยากจะย้ำคือเค้ากำลังพูดถึงผลตอบแทนระยะยาวหลายปี  ที่บอกผลตอบแทนดีกว่าเฉลี่ยนี่คือถ้าวัดกันช่วงยาวๆ  สิ่งที่เค้าเจอคือ Factor พวกนี้ถ้าดูกันสั้นๆมันดีบ้างไม่ดีบ้าง  อย่าง Momentum เค้าก็พบว่าอาจจะ underperform ตลาดอยู่หลายปีแล้วค่อยกลับมาดี  ถ้าลงทุนวัดกันช่วงสั้นเกินไปก็อาจจะพบว่า Factor พวกนี้ผลตอบแทนห่วยก็ได้

สำหรับคนที่สนใจอ่านเพิ่มเติม  ผมแนะนำว่ามีบทความทำโดย MSCI ที่อธิบายเรื่องนี้ได้ดีมาก  เก่าหน่อยแต่อ่านง่ายเรียบเรียงดีและเค้ามี references ตัวงานวิจัยแต่ละหัวข้อให้เผื่อไปศึกษาเพิ่มเติมด้วยครับ

https://www.msci.com/documents/1296102/1336482/Foundations_of_Factor_Investing.pdf/004e02ad-6f98-4730-90e0-ea14515ff3dc

 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/

หรือ ทดลองเรียนฟรี

เลือกหุ้นปันผลยังไงให้ปันผลโตทุกปี + ไม่ติดดอย ?

How to Pick Great Dividend Stocks?

เลือกหุ้นปันผลยังไงให้ปันผลโตทุกปี + ไม่ติดดอย ?

เหตุผลหลักที่คนลงทุนในหุ้นปันผลก็เพราะอยากได้กระแสเงินสดสม่ำเสมอที่ดีกว่าเงินฝากประจำเป็นหลัก ส่วนเป้าหมายรองถ้าเป็นไปได้ก็อยากมีโอกาสได้ผลตอบแทนในรูปของราคาหุ้นที่สูงขึ้น ถ้าทำได้แบบนั้นก็คือสุดยอดเลยครับ แต่หลายครั้งที่พอซื้อหุ้นไปแล้วพบว่าได้ปันผลอยู่ทีเดียวบ้าง หรือปันผลลดลงเรื่อยๆทุกปีบ้าง และหนักกว่านั้นคืออาการแบบนี้มักจะถูกซ้ำด้วยราคาหุ้นตกลงไปกว่าตอนซื้ออีก ผิดวัตถุประสงค์ถึงขั้นรู้งี้ฝากธนาคารดอกเบี้ย 1% ยังดีกว่า

วันนี้ผมมาแนะนำวิธีการเลือกหุ้นปันผลยังไงให้ได้ปันผลเติบโต และยากจะขาดทุนจากราคาหุ้นตกกันครับ (จะบอกราคาหุ้นไม่มีทางตกก็เป็นไปไม่ได้)

1. เลือกบริษัทที่เข้มแข็งและกำไรสม่ำเสมอ
เลือกหุ้นปันผลก็เหมือนเลือกหุ้นธรรมดาตรงที่ยังไงก็ต้องเลือกบริษัทที่มีความเข้มแข็ง เพราะอย่าลืมว่าปันผลสุดท้ายมันจ่ายมาจากกำไร ถ้าบริษัทกำไรไม่ดีหรือขาดทุนต่อให้วันนี้จ่ายปันผลสูง สุดท้ายก็จะไม่มีเงินจ่ายปันผลในที่สุดอยู่ดี อย่าไปคิดว่าแค่เพราะวันนี้บริษัทจ่ายปันผลสูงจะแปลว่ามันจะจ่ายแบบนั้นตลอดไป
วิธีดูว่าบริษัทไหนเข้มแข็งและกำไรสม่ำเสมอแบบง่ายๆเริ่มจากพิจารณาว่าบริษัทนั้นเป็นบริษัทที่มีอำนาจบังคับผู้บริโภคให้ซื้อสินค้าได้หรือเปล่า แล้วก็ไปเปิดดูผลประกอบการแบบสรุปบนเวป SET ดููว่าที่ผ่านมาถ้ากำไรไม่เพิ่มก็อย่างน้อยให้มันคงที่

2. เลือกที่ Dividend Yield สูงพอสมควร
Yield ต่ำเกินไปเช่น 0.5% ก็ไม่ใช่เรียกว่าหุ้นปันผล แต่ถ้าสูงเกินไปเช่นหุ้น Yield เกิน 5% ก็อาจจะมีผลประกอบการอะไรผิดปกติทำให้คนไม่อยากซื้อราคามันเลยต่ำเลยทำให้ Yield สูง ส่วนตัวผมมองว่า Dividend Yield ประมาณ 2.5-5% นี่กำลังดี

3. มองหาบริษัทที่มีช่องทางเติบโต
สองข้อก่อนหน้านี้คือเพื่อให้อย่างน้อยเราได้ปันผลสม่ำเสมอ แต่ถ้าเราจะให้อนาคตปันผลเยอะขึ้นและราคาหุ้นสูงขึ้นด้วยเราก็ต้องหาบริษัทที่มีการเติบโต
วิธีดูว่าบริษัทจะเติบโตหรือไม่ก็อาจจะต้องใช้การศึกษาเพิ่มเติมบ้าง หลักๆเลยคือดูว่าบริษัททำธุรกิจอะไร อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นหรือไม่ แล้วปัจจุบันบริษัทมีแผนทำอะไรใหม่ๆบ้าง

4. เลือกที่ Payout Ratio ต่ำ
Payout Ratio ว่าง่ายๆคือทุกกำไร 100 บาท บริษัทจ่ายออกมาเป็นปันผลเท่าไหร่
บริษัทที่ปัจจุบัน Payout Ratio ต่ำได้เปรียบเพราะว่า
● ในอนาคตถ้ากำไรไม่โต ก็อาจจะเพิ่มปันผลได้อยู่โดยการเพิ่ม Payout Ratio ในขณะที่บริษัทที่ Payout Ratio สูงมากแล้วก็จะทำได้แค่ปันผลคงที่
● Payout Ratio ที่น้อยแปลว่าบริษัทมีการกันเงินเก็บไว้ สามารถเอาไปลงทุนเพิ่มทำให้กำไรเติบโตได้ในอนาคต

และนี่คือหลักการเลือกหุ้นปันผล จะสังเกตว่ายังไงการเลือกหุ้นก็ต้องดูคุณภาพของกิจการเป็นหลัก ถ้าทำได้ตามวิธีการที่ให้ไว้นี้ผมมั่นใจว่าเราจะได้หุ้นปันผลที่เราจะถือกินปันผลไปได้ยาวๆแน่นอนครับ

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg