เราสามารถหามูลค่าที่แท้จริงของกองทุนได้มั้ย ?

Can we calculate intrinsic value of funds ?

เราสามารถหามูลค่าที่แท้จริงของกองทุนได้มั้ย ?

คำตอบคือไม่ได้ครับ

ต้องเข้าใจว่ากองทุนโดยตัวมันเองมันไม่ได้มีมูลค่าอะไร  มูลค่ามันมาจากทรัพย์สินที่กองทุนถือเท่านั้น  ดังนั้นถ้าเราจะหามูลค่าที่แท้จริงของกองทุนก็แปลว่าเราต้องคำนวณมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นและทรัพย์สินทั้งหมดที่กองทุนถืออยู่  ซึ่งเราไม่รู้  ปกติเราก็จะรู้แค่ 5 หรือ 10 อันดับทรัพย์สินที่กองทุนถือเยอะสุดแค่นั้น

แล้วสมมติต่อให้รู้ว่ากองทุนถืออะไรบ้างทั้งหมดเลย  การไปขยันนั่งคำนวณทั้งหมดก็ไม่มีประโยชน์อะไร  เพราะซักพักกองทุนก็อาจจะเปลี่ยนหุ้นที่ถือขายบางตัวออกซื้อบางตัวเพิ่ม  มันก็ทำให้มูลค่าที่แท้จริงเปลี่ยนไปละ

และเอาจริงๆก็ไม่รู้จะทำไปทำไมด้วยนะ  วัตถุประสงค์หลักของการถือกองทุนรวมคือเพื่อให้คนอื่นตัดสินใจลงทุนแทนเราและเราไม่ต้องเสียเวลาวุ่นวาย  ถ้าเราถึงกับจะต้องพยายามคำนวณอะไรแบบนี้งั้นเราน่าจะลงทุนเองจะดีกว่านะ

 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/

หรือ ทดลองเรียนฟรี

Tactical Allocation ทำจริงได้ผลมั้ย ?

Does Tactical Allocation work ?

Tactical Allocation ทำจริงได้ผลมั้ย ?

ไอเดียของ tactical allocation คือการขยับเงินลงทุนของเราระหว่างทรัพย์สินลงทุนประเภทต่างๆหรือกลุ่มธุรกิจต่างๆเพื่อฉวยโอกาสจากแนวโน้มของตลาดหรือธุรกิจ  อย่างเช่นถ้าเราเชื่อว่าช่วงนี้ธุรกิจท่องเที่ยวน่าจะฟื้น  เราก็อาจจะถือหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในพอร์ตและลดกลุ่มอื่นลง

โดยคอนเซปต์ tactical allocation ก็ฟังดูดีอยู่  แต่ในทางปฏิบัติเป็นไงมั่ง  พอดีผมไปเจอบทความของ Morningstar สรุปเรื่องนี้ครับ

Morningstar ทำการสังเกตผลตอบแทนโดยรวมของกองทุนที่มีนโยบายทำ tactical allocation ว่าโดยเฉลี่ยแล้วมันทำได้ดีกว่าตลาดมั้ย  สิ่งที่เค้าเจอคือทฤษฎีดูดีนะแต่ทำจริงท่าจะยาก

กองทุนที่ทำ tactical allocation แพ้กองทุนผสมที่รักษาสัดส่วนการลงทุนคงที่ไม่ว่าจะดูเฉลี่ยย้อนหลังกี่ปี  และอันนี้ไม่นับพวกกองที่ปิดไปแล้วด้วย

ในหมู่กองทุนพวกนี้ก็มีบางกองที่ทำได้ดีอยู่  แต่ดูแล้วเป็นส่วนน้อย  โดยภาพรวมการทำ tactical allocation ทำให้ผลตอบแทนห่วยลง

สำหรับคนที่สนใจอ่านตัวบทความนี้  ผมทิ้งลิ้งค์ไว้ให้ครับ https://www.morningstar.com/articles/1058700/tactical-asset-allocation-dont-try-this-at-home

 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/

หรือ ทดลองเรียนฟรี

กองทุนรวมที่เลียนแบบ Hedge Fund

A Type of Fund Replicating the Successes of Hedge Funds

กองทุนรวมที่เลียนแบบ Hedge Fund

พอดีผมเจอบทความของ Morningstar พูดถึงเรื่อง Liquid Alternatives Funds น่าสนใจเลยมาเล่าให้ฟังครับ

คือต้องเล่าให้เห็นภาพนิดนึง  ช่วงหลังมานี้การลงทุนใน Hedge fund มันได้รับความนิยมมากขึ้น  เค้ามองว่าเป็นการลดความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ตได้  เพราะผลตอบแทนของ Hedge fund ปกติจะต่างจากสินทรัพย์อื่นเยอะ  และในบางประเภทอาจจะคาดหวังว่าได้เปรียบเวลาที่ตลาดตกด้วยซ้ำอย่าง Hedge fund ที่ใช้กลยุทธ์แบบ Short only  แต่ที่ผ่านมา Hedge fund ไม่ได้ขายให้กับบุคคลทั่วไป  ตัว Liquid Alternatives Funds นี่ก็มีขึ้นมาในภายหลัง  หลักการคือเป็นกองทุนรวมที่เปิดให้กับบุคคลทั่วไปลงทุน  โดยกองทุนรวมพวกนี้ใช้วิธีการลงทุนแบบ Hedge fund

พอดีเจอบทความของ Morningstar พูดถึง Liquid Alternatives Funds ว่าสรุปแล้วกองทุนพวกนี้ผลงานเป็นไงบ้าง  อ่านดูก็น่าสนใจผมทิ้งลิ้งค์ไว้ให้เผื่อใครสนใจไปอ่านเองครับ https://www.morningstar.com/articles/1049091/liquid-alternatives-funds-is-there-any-hope

หลักๆแล้วสรุปได้ว่า  

  • ผลตอบแทนสุทธิที่กองทุนประเภทนี้ทำได้เฉลี่ยแค่ 1.66% ต่อปีเท่านั้นเอง  
  • ผลตอบแทนแย่กว่ากองทุนประเภทอื่นเกือบทั้งหมด  รวมถึงกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ด้วย
  • กองทุนประเภทนี้ทั้งหมดที่ออกมาตั้งแต่ปี 2009 มี 453 กอง  ปัจจุบันเหลืออยู่ 153 กองเท่านั้น
  • ปัญหาอย่างนึงที่ทำให้กองทุนประเภทนี้ไม่ได้รับความนิยมน่าจะเป็นเพราะความซับซ้อน  นักลงทุนอาจจะไม่เห็นภาพว่ากองทุนลงทุนอะไรยังไง  ขาดทุนขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะอะไร
  • ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ Hedge fund ก็ผลตอบแทนแย่พอดี  และพวก Liquid Alternatives Funds เองก็เลียนแบบวิธีการลงทุนของ Hedge fund ได้ไม่สมบูรณ์เพราะข้อจำกัดว่ามันต้องมีสภาพคล่องให้คนลงทุนสามารถซื้อขายได้ตลอดด้วย
  • ค่าธรรมเนียมเฉลี่ยคือ 1.66%  ถูกกว่า Hedge fund แต่ก็แพงกว่ากองทุนรวมทั่วไป  เนื่องจากผลตอบแทนสุทธิก็ 1.66% เหมือนกันพอดี  แปลว่าช่วงที่ผ่านมาผลตอบแทนทั้งหมดที่กองทุนประเภทนี้ทำได้โดยเฉลี่ยก็แบ่ง 50/50 กับนักลงทุนพอดี

ฟังแบบนี้ก็เหมือนกองทุนประเภทนี้ดูไม่มีประโยชน์  แต่ทั้งนี้ผู้เขียนก็ยังมองว่ามันน่าจะมีประโยชน์อยู่นะ

  • ตอนปีที่กองทุนพวกนี้เริ่ม  มันเป็นช่วงตลาดขาขึ้นซึ่งกองทุนพวกนี้ไม่มีประโยชน์เท่าไหร่พอดี
  • ในเวลานี้อัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่คนนิยมใช้เพื่อกระจายความเสี่ยงอย่างตราสารหนี้มันต่ำลง  ดังนั้นโดยเปรียบเทียบกองทุนพวกนี้ก็น่าจะน่าสนใจขึ้น
  • กองทุนที่รอดอยู่ในเวลานี้มีประวัติยาวนานมากขึ้น  กองห่วยๆตายไปเยอะแล้ว

 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/

หรือ ทดลองเรียนฟรี

เลือกกองทุนรวม Step-by-Step โคตรง่าย + ไม่เยอะ

How to Pick Your Mutual Fund Investment : Step-by-Step, Easy and Simple

เลือกกองทุนรวม Step-by-Step โคตรง่าย + ไม่เยอะ

จะเลือกกองทุนยังไงดี ?

บอกตรงๆว่าไม่ใช่หัวข้อถนัดผมที่ผ่านมาเลยไม่ค่อยพูดถึงเท่าไหร่  แต่เนื่องจากคนถามเยอะเหลือเกิน  ในวีดิโอนี้ผมจะพยายามแนะนำวิธีการให้ได้มากที่สุดเท่าที่ผมนึกออกละกันครับ

ก่อนอื่นต้องเข้าใจลักษณะสำคัญที่สุดของกองทุนรวมก่อนว่า  กองทุนรวมคือเราจ้างให้คนอื่นเป็นคนบริหารจัดการเงินและเลือกตัดสินใจลงทุนแทนเรา  เราสูญเสียความควบคุมแลกกับความง่ายที่ไม่ต้องตัดสินใจในรายละเอียดด้วยตัวเอง  และดังนั้นการเลือกกองทุนรวมสิ่งที่เราเลือกได้คือแค่ทิศทางภาพกว้างๆเท่านั้น  ส่วนรายละเอียดเราควบคุมไม่ได้  ต้องเข้าใจตรงนี้ก่อน

 

เลือกประเภททรัพย์สินก่อน

อย่างแรกเลยคือเลือกว่าจะเป็นกองทุนที่ไปลงทุนในสินทรัพย์แบบไหนก่อน  ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับเรื่องหลักคือ

  1. มันผลตอบแทนสอดคล้องกับเป้าหมายชีวิตเรามั้ย
  2. สถานการณ์เรารับระดับความเสี่ยงได้ขนาดไหน

ดังนั้นผมแนะนำให้ดูก่อนว่าตัวเรามีเป้าหมายอะไรยังไงแล้วน่าจะต้องลงทุนให้ได้ผลตอบแทนประมาณกี่ % ต่อปี  ใช้ Link ข้างล่างนี้ไปเครื่องคิดเลขเลยครับ  https://www.fncalculator.com/financialcalculator?type=tvmAdvancedCalculator

ทีนี้เมื่อได้มาแล้วว่าผลตอบแทนเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายของใครของมันนี่คือกี่ %  เราก็ค่อยมาดูว่ากองทุนแบบไหนที่มันดูเป็นไปได้บ้าง  โดยไปดูเวปของ AIMC สมาคมบริษัทจัดการลงทุนเลยครับ

https://www.aimc.or.th/

ดูด้วยว่ามันสอดคล้องกับความสามารถในการรับความเสี่ยงของเราหรือเปล่า

 

ต่อด้วยเรื่องค่าธรรมเนียม

ในกองทุนรวมผลตอบแทนเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนการันตีไม่ได้  แต่สิ่งที่แน่นอนคือค่าธรรมเนียม  ดังนั้นเวลาเราเลือกจึงควรเลือกเริ่มจากสิ่งที่เราควบคุมได้ก่อนนั่นคือค่าธรรมเนียมครับ  เพื่อความง่ายในการเปรียบเทียบผมแนะนำให้ดูบน www.morningstarthailand.com

ก็ไม่ได้ว่าต้องค่าธรรมเนียมถูกที่สุดก็ได้  แต่ก็ดูให้มันอยู่ในกลุ่มที่ไม่แพงไว้ก่อนละกัน

 

แล้วก็ดูเรื่องผลการดำเนินงานกองทุน

ถึงผลการดำเนินงานของกองทุนในอดีตจะไม่ได้เป็นเครื่องบ่งชี้ผลการดำเนินงานในอนาคตแต่ก็ควรจะดูไว้อยู่ดี  อย่างน้อยมันก็ไม่ควรทำได้แย่กว่าค่าเฉลี่ยนัก  โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าดูผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นระยะเวลานานๆ  ดูได้บน www.morningstarthailand.com อีกเช่นกัน

ไม่ได้จำเป็นต้องเลือกที่เคยทำได้ผลตอบแทนสูงสุดเพราะยังไงอนาคตก็ไม่แน่นอน  แต่ก็ดูว่าไม่ใช่ทำได้แย่กว่าค่าเฉลี่ย

 

คำแนะนำเรื่องจิปาถะอื่นๆ

ผมว่าเรื่องหลักๆเราก็ทำไปแล้ว  ที่เหลือเป็นรายละเอียดปลีกย่อยละครับ

  1. Rating ของ Morningstar
  2. เรื่องความเสี่ยง Volatility
  3. เลือกสไตล์ที่ตัวเองชอบ  เช่น Value, Growth, ESG, มีปันผลหรือไม่มีปันผล etc.
  4. ส่วนตัวแนะนำกองทุนดัชนี  และทำการซื้อแบบเฉลี่ย (Dollar Cost Averaging)
  5. อาจจะลงทุนในกองทุนมากกว่าหน่ึงกอง

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg