ช่วงนี้ตลาดดูผันผวน เราควรจะขายหุ้นมาถือเงินสดไว้ก่อนมั้ย ?

We still think keeping money in stocks is a good idea

ช่วงนี้ตลาดดูผันผวน เราควรจะขายหุ้นมาถือเงินสดไว้ก่อนมั้ย ?

ช่วงที่ผ่านมาเริ่มมีคนถามว่าหุ้นช่วงนี้ยังน่าสนใจอยู่มั้ยในเมื่อตลาดหุ้นมันฟื้นมาเยอะแล้วจากโควิด  อย่างดัชนี SET ก็อยู่แถว 1,600  บวกกับมีปัจจัยความเสี่ยงหลายเรื่องไปหมดเช่นธนาคารกลางสหรัฐและหลายๆประเทศเริ่มทำท่าจะปรับอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นและหยุดกระตุ้นเศรษฐกิจ  อย่างเกาหลีนี่คือเริ่มปรับดอกเบี้ยขึ้นไปแล้ว  แล้วก็ยังมีเรื่องน้ำอาจจะท่วมกรุงเทพฯ  ไฟฟ้าดับในจีน  Evergrande เจ๊ง  เงินเฟ้อที่อาจจะสูงขึ้นเยอะจากราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น  อังกฤษเริ่มสินค้าขาดเพราะไม่มีคนขับรถบรรทุก ฯลฯ  เราควรจะถอนเงินออกจากหุ้นมาถือเงินสดหรือสินทรัพย์อื่นก่อนหรือเปล่า 

ในความเห็นผมคือไม่  คิดว่ายังควรลงทุนอยู่ในหุ้นต่อครับ

ก่อนอื่นในระยะสั้นตลาดจะตกหรือจะขึ้นเป็นยังไงผมไม่รู้  แต่ภาพรวมในระยะยาวผมยังคิดว่าเราควรจะลงทุนอยู่ในหุ้นเพราะ

  • โดยภาพรวมแล้วเศรษฐกิจฟื้นตัว  บริษัทส่วนใหญ่ผลประกอบการดีขึ้น  โดยเฉพาะพวกที่โดนผลกระทบจากโควิดเราเห็นชัดเจนว่ากำลังฟื้น
  • ปัจจัยเสี่ยงหนักสุดคือต้องกลับมาปิดธุรกิจอีกเพราะโควิดระบาดไม่เลิกก็ดูไม่น่าจะเกิดขึ้นละ
    • ตัวอย่างจากประเทศที่ฉีดวัคซีนได้เยอะ  ถึงจำนวนคนป่วยใหม่จะเยอะ  แต่จำนวนผู้ป่วยอาการหนักที่จะไปล้นโรงพยาบาลและจำนวนคนตายน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
  • การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย  อาจมีผลบ้างเพราะทำให้สินทรัพย์ปลอดภัยอัตราผลตอบแทนสูงขึ้นเมื่อเทียบกับหุ้น  แต่ในภาพใหญ่ไม่มีทางมีผลมากกว่าเศรษฐกิจประเทศที่ฟื้นตัว  ผลประกอบการบริษัทดีขึ้น  และที่สำคัญคือยังไงผลตอบแทนของสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นก็ยังดีกว่าพวกอัตราดอกเบี้ยเงินฝากซึ่งแพ้เงินเฟ้อมาก  ไม่น่าเป็นไปได้ที่คนจะแห่หนีจากหุ้นกลับไปอยู่ในรูปเงินฝากกันแค่เพราะอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสูงขึ้น
  • เศรษฐกิจฟื้นกลับมาอาจจะมีสะดุดไม่ราบรื่นบ้าง  หรือมีเหตุการณ์อื่นดูน่ากลัวบ้าง  แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่
    • อย่างอังกฤษที่ขาดแคลนคนขับรถบรรทุกส่วนนึงก็คือ Brexit กับช่วงที่โควิดระบาดกระบวนการในการออกใบอนุญาตขับรถบรรทุกมันติดขัด  บวกกับความต้องการสินค้าและบริการมันกลับมาอย่างเร็วฝั่ง supply ก็เลยปรับตัวไม่ทัน  ซึ่งมันไม่ใช่ปัญหาระยะยาว
    • Evergrande คนก็ตกใจมากไป  รัฐบาลจีนยังไงก็ไม่ปล่อยให้บริษัทเจ๊งบริษัทเดียวกระทบวงกว้างแน่นอน  และในความเป็นจริงมันไม่เหมือน subprime เพราะมันเป็นบริษัทที่มีปัญหาจากหนี้สินเยอะไป  บริษัทนั้นเบี้ยวไม่จ่ายหนี้  ไม่ใช่แบบ subprime ที่มีการปล่อยสินเชื่อมั่วแล้วคนเบี้ยวหนี้ในวงกว้าง
    • ส่วนเรื่องรัฐบาลจีนเข้ามาจัดการกับหลายธุรกิจ  โดยรวมเค้าต้องการให้ความร่ำรวยกระจายสู่คนจำนวนเยอะขึ้นลดความเหลื่อมล้ำ  ไม่ได้ตั้งใจจะเอาให้ธุรกิจเจ๊ง  ดังนั้นในระยะยาวก็ยังมองว่าดีอยู่ดี  เรากำลังพูดถึงประเทศที่คนเป็นพันล้านกำลังมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมีกำลังซื้อ
  • ส่วนเรื่องหุ้นแพงไปมั้ยขึ้นมาเยอะแล้วตอนนี้  อันนี้ก็มีส่วนจริงเพราะดัชนีตลาดหุ้นฟื้นไปแล้วจริง  แต่ในรายละเอียดถ้าไปดูจะเห็นว่ามันไม่ได้ราคาหุ้นฟื้นไปแล้วทุกกลุ่ม  กลุ่มที่โดนผลกระทบจากโควิดแล้วยังไม่ฟื้นมีอยู่  และในกลุ่มพวกนั้นถ้าเราเลือกที่คุณภาพดีเป็นหลักโอกาสก็ยังหาได้อยู่นะผมว่า

 

ดังนั้นสรุปคือ  ผมก็ยังคิดว่าเราสมควรจะลงทุนอยู่ในหุ้นตอนนี้  และผมไม่ได้แค่พูดเพราะโดยส่วนตัวตอนนี้เงินลงทุน 100% ก็อยู่ในหุ้นจริงๆ

 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/

หรือ ทดลองเรียนฟรี

ลงทุนทั้งหมด 100% ในหุ้นตัวเดียวที่เราเข้าใจเป็นอย่างดีเลยดีมั้ย ?

Should you put 100% of your money into one stock that you understand really well ?

ลงทุนทั้งหมด 100% ในหุ้นตัวเดียวที่เราเข้าใจเป็นอย่างดีเลยดีมั้ย ?

คำถามนี้ถ้าเป็นสมัยก่อนตอนเด็กๆผมน่าจะตอบว่าดี  แต่มาตอนนี้ผมว่าถือหุ้นบริษัทเดียวเลยมันเสี่ยงไปนิด  ต่อให้เข้าใจธุรกิจนั้นอย่างดีก็ตาม

ปัญหาของเรื่องคือบางทีมันพลาดได้น่ะครับ

  • ประเด็นแรกสำคัญสุดเลยคือ  ไม่ว่าเราจะใกล้ชิดหรือคุ้นเคยกับบริษัทนั้นขนาดไหน  บางทีมันก็มีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้  แล้วบางทีมันก็ปุบปับมากหรือมาจากเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ด้วยนะ  นึกถึงอย่างหุ้นโรงเรียนกวดวิชาของจีน  หรือรัฐบาลสหรัฐยกเลิกการใช้คุกเอกชนเป็นต้น
  • และอีกเรื่องนึงสำคัญตามมาคือ  บางทีเรามี bias  คือคนเราก็ไม่ใช่จะตัดสินใจด้วย logic ตลอด  บางทีเราอาจจะมีความลำเอียงเข้าข้างบริษัทที่เราถือหุ้นอยู่มากไป  จะด้วยเพราะเราชอบสินค้าเค้ามากหรือเราอยู่ในธุรกิจนั้นหรือเราทำงานในบริษัทนั้นก็แล้วแต่  ทำให้บางทีเรามองข้ามสัญญาณของปัญหาครับ  ในอดีตมันก็มีเคสพนักงานบริษัทที่ถือหุ้นส่วนใหญ่ในบริษัทของตัวเองที่ดันเป็นบริษัทโกงอย่าง Enron, Worldcom แล้วก็เจ๊ง  เสียหายกันเยอะมากทั้งที่เป็นคนในด้วยนะ

สรุปแล้วคือ  ผมว่าลงทุนในหุ้นบริษัทเดียวเลยก็เสี่ยงไปนิด  ถ้าไม่นิยมลงทุนกระจายก็เลือกเอาซัก 3-4 บริษัทที่เราไว้ใจดีกว่า

 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/

หรือ ทดลองเรียนฟรี

อัพเดทกลยุทธ์การลงทุน : ตอนนี้ความเสี่ยงสูงขึ้นกว่าต้นปี

Investment Strategy Update July 2021 : Risk is now higher than the start of the year.

อัพเดทกลยุทธ์การลงทุน : ตอนนี้ความเสี่ยงสูงขึ้นกว่าต้นปี

เราเพิ่งทำวีดิโออัพเดทสถานการณ์ไปเมื่อต้นเดือนมิถุนายนนี้เอง  แต่ดูเหมือนสถานการณ์ตอนนี้เปลี่ยนไปละมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นกว่าที่คาดไว้ตอนแรก  คนที่ถือหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากโควิดแล้วคาดว่าโควิดจะจบอาจจะมีความเสี่ยงมากขึ้น

ท้าวความเดิมนิดนึง  ตอนต้นปีช่วงต้นเดือนมกราคม  ภาพที่เราเห็นคือประเทศมีเงินอย่างอเมริกากับอังกฤษและตามมาด้วยยุโรปกำลังพยายามเร่งฉีดวัคซีน  ในเวลานั้นความเสี่ยงหลักคือเราไม่รู้ว่าฉีดวัคซีนไปแล้วคนจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้จริงมั้ย  แต่ถ้าเทียบกับกลางปี 2020 สถานการณ์ก็ถือว่าเสียงน้อยกว่ามากเพราะในเวลานั้นเรายังไม่รู้เลยว่าวัคซีนจะได้เมื่อไหร่  คาดการณ์ว่าจะนานแต่ปรากฎว่าปลายปี 2020 นี่คือวัคซีนเริ่มอนุมัติละ

พอเวลาผ่านไปซักพัก  ประมาณเดือนมีนาคม-เมษายน  เราเริ่มเห็นตัวอย่างประเทศที่ฉีดวัคซีนไปได้เยอะมีจำนวนผู้ป่วยใหม่ลดลงเยอะ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งอิสราเอลดูชัดสุด  เป็นสัญญาณว่าวัคซีนได้ผล  ในเวลานั้นถึงแม้ว่าเราจะเห็นจำนวนผู้ป่วยในไทยเพิ่มขึ้น  ผมก็ไม่ได้ตกใจอะไรมาก  เพราะสุดท้ายเกมภาพใหญ่คือเรารู้อยู่แล้วว่าคนจะกลับมาใช้ชีวิตปกติได้จริงๆก็ต่อเมื่อมีวัคซีนหรือยาเท่านั้น  การที่มีระบาดกลับขึ้นมาในประเทศไทยก็ไม่ได้แปลกเพราะเรายังไม่ฉีดวัคซีนและมันก็แค่ทำให้ระหว่างทางเลวร้ายลงเท่านั้นเอง  จากเดิมที่คิดว่าเราจะประคองสถานการณ์ไปจนฉีดวัคซีนจบแล้วก็จบสมบูรณ์  ก็กลายเป็นว่าระหว่างทางคนจะต้องมีการปิดธุรกิจมีมาตรการที่มีผลกระทบกับคน  แต่จุดปลายทางเราก็ต้องจบด้วยมีวัคซีนหรือยาอยู่ดี  สถานการณ์โดยรวมจริงๆความเสี่ยงน้อยกว่าต้นปีอีก  เพราะอย่างน้อยเรารู้แล้วว่าวัคซีนได้ก็จบ

หลังจากนั้นเราเริ่มเห็นประเทศที่ฉีดวัคซีนเยอะเริ่มให้คนกลับมาใช้ชีวิตปกติ  อเมริกา, อังกฤษ, ยุโรป  เราเริ่มเห็นการท่องเที่ยวการเดินทางของประเทศพวกนี้เริ่มฟื้น  ในเวลานั้นก็ยิ่งความเสี่ยงน้อยลงไปอีก

จนสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงอีกทีตอนที่เห็นชัดเจนเลยว่าการระบาดกลับมาเยอะในอังกฤษเพราะโควิดสายพันธุ์เดลต้า  ตอนนี้ผู้ป่วยใหม่ในอังกฤษสูงขึ้นวันนึงเกิน 50,000 คน  คำถามสำคัญคือมันจะทำให้มีผู้ป่วยหนักเยอะขึ้นจนเตียงเต็มแล้วสุดท้ายต้องปิดธุรกิจนู่นนี่นั่นอีกหรือเปล่า

ถ้าใช่  งั้นเงินลงทุนที่เราซื้อหุ้นโควิดไปก็เสี่ยงทันที  จากเดิมที่เราคาดว่าวัคซีนมาแล้ว  ฉีดถึงจุดนึงจะจบ  คนจะเริ่มทยอยกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ  การท่องเที่ยวฟื้น  มันก็ไม่แน่ละไง  เพราะอย่างอังกฤษนี่ฉีดวัคซีนไปได้เยอะมาก  ประชากรทั้งประเทศฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วเกิน 50%  ถ้าขนาดนี้ยังกลับมาใช้ชีวิตปกติไม่ได้นี่แปลว่าประเทศอื่นก็จะมีปัญหาเดียวกัน  แล้วเมื่อไหร่จะจบล่ะถ้างั้น

ถ้าไม่ใช่  คือคนป่วยเยอะแต่อาการไม่หนักหรืออะไรก็แล้วแต่  สุดท้ายคนใช้ชีวิตปกติได้ไม่ต้องกลับมาปิดธูรกิจปิดท่องเที่ยว  งั้นก็ไม่มีปัญหา  เรายังเห็นทิศทางว่าโควิดจะจบได้

หลักฐานในเวลานี้ก็ดูก้ำกึ่ง

  • อย่างแรกเลยคือจำนวนผู้ป่วยเยอะขึ้น  ผู้ป่วยใหม่ต่อวันเกิน 10,000 คนมาตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนแล้ว  แต่จำนวนคนตายกับคนป่วยอาการหนักดูเหมือนจะไม่ได้สูงขึ้นตาม  เหมือนจะเป็นหลักฐานว่าวัคซีนได้ผล

  • แต่ถ้าวัคซีนได้ผล  ทำไมจำนวนคนป่วยมันยังเพิ่มขึ้นเร็วขนาดนี้  ไม่ใช่ว่ามันควรจะป้องกันการติดและกระจายของเชื้อหรอกหรือ

ดังนั้นเวลานี้เราควรจะจับตามองอังกฤษเป็นพิเศษ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมาเค้าอนุญาตให้คนกลับมาใช้ชีวิตเต็มที่ละด้วย  ไม่มีบังคับให้ใส่หน้ากาก  ร้านอาหารไนท์คลับอะไรจัดได้เต็มที่ไม่จำกัดจำนวนคน  เราต้องดูว่าสุดท้ายจำนวนคนป่วยจะหนักจนต้องกลับไปปิดธุรกิจอีกหรือเปล่า

มุมของการลงทุนเรา

แล้วในมุมของการลงทุนเราล่ะ  ต้องทำอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า  อันนี้ผมก็ว่าแล้วแต่คน  ถ้าสำหรับผมในเวลานี้คือเห็นภาพว่าความเสี่ยงสูงมากขึ้น  แต่ยังไม่ถึงขึ้นต้องรีบหนีหรืออะไร  แต่สมควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด  โดยรวมแล้วคือ

  • ถ้าเราถือบริษัทที่กระทบแต่ยังไม่ถึงขาดทุน  พวกนี้ก็ไม่มีปัญหาเหมือนเดิม  เพราะมันรอได้อยู่แล้ว
  • ประเด็นมันจะอยู่ที่บริษัทที่กระทบจนขาดทุน  พวกนี้จากเดิมเราคิดว่ามีเงินทุนพอที่จะทนได้  ถ้าอยุ่ๆสถานการณ์เปลี่ยนโควิดไม่จบด้วยวัคซีนชุดนี้  คำถามคือแล้วมันจะจบเมื่อไหร่  เราอาจจะต้องพิจารณาแล้วว่าบริษัทที่ว่าขาดทุนนี่  ขาดทุนเยอะขนาดไหนล่ะ  รายได้มันต้องฟื้นกลับมาเป็นกี่ % เทียบกับปีปกติมันถึงจะรอด  ดูแล้วห่างมั้ย  ตอนนี้มีเงินทุนเหลือทนได้อีกนานแค่ไหน  แล้วสมมติต้องระดมทุนเพิ่มมันน่าจะยังทำได้อยู่มั้ย  มีหนี้สินอยู่เยอะมากอยู่แล้วหรือเปล่า  ฯลฯ

 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/

หรือ ทดลองเรียนฟรี

อัพเดทสถานการณ์ตลาดหุ้น และกลยุทธ์ลงทุน – มิถุนายน 2021

June 2021 market update

อัพเดทสถานการณ์ตลาดหุ้น และกลยุทธ์ลงทุน – มิถุนายน 2021

วีดิโอนี้เราแสดงความคิดเห็นตอบคำถามที่คนถามเข้ามาเกี่ยวกับภาพรวมทิศทางตลาดหุ้นครับ  โดยเราคุยไปทีละเรื่อง

ตลาดหุ้นไทยและโควิดที่ระบาดในไทย

คือผมว่ามาถึงตรงนี้เราต้องยอมรับละว่ายังไงการระบาดคงไม่ซาหายไปเองแบบที่ผ่านมาแน่  กว่าจะควบคุมการระบาดได้ก็คงต้องแบบประเทศอื่นคือต้องฉีดวัคซีนให้ได้จำนวนมากระดับหนึ่งเท่านั้น  เท่าที่ดูตัวอย่างจากอเมริกา, อังกฤษกับยุโรป  สมมติเราตั้งใจฉีดกันให้ได้เยอะๆแล้วไม่ติดเรื่องไม่มีวัคซีนเราก็น่าจะฉีดได้เยอะระดับนึงภายในสิ้นปีนี้  และแปลว่าการระบาดน่าจะควบคุมได้อย่างช้าต้นปีหน้า

ในมุมตลาดหุ้น  ดัชนีตอนนี้ก็ยังแถว 1,600 อยู่  ดูไม่ได้มีอะไรตกเยอะแยะหรือมีความตกใจในวงกว้างจากโควิดที่ระบาด  ส่วนตัวผมก็มุมมองเหมือนเดิมคือโอกาสยังหาได้อยู่ในกลุ่มธุรกิจที่โดนโควิดจังๆแล้วราคาตกเยอะๆ  อย่างพวกโรงแรมกับห้าง  หน้าที่ของเราคือเลือกบริษัทที่มันน่าจะมีเงินทุนมากพอที่จะรอดและน่าจะกลับมาทำได้ดีเมื่อโควิดจบ

ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ

มีคนถามว่าถ้าเงินเฟ้อในอเมริกาสูงขึ้นมากๆ  จะทำให้ fed ลดอัตราดอกเบี้ยและหุ้นจะตกมั้ย

อันนี้ให้ดู Consumer Price index ในอเมริกา  จะเห็นว่าระดับราคาดูสูงขึ้นแหละ  แต่ยังไม่ถึงกับสูงเว่อร์เนื่องจากระดับราคามันตกลงไปตอนช่วงปี 2020

ในประเด็นเรื่องเงินเฟ้อ  ในความเห็นส่วนตัวคือผมมองว่าเงินเฟ้อที่สูงขึ้นมาจากการที่ Aggregate supply ปรับตัวไม่ทันการกลับมาของ Aggregate demand  คือถ้าเราตามข่าวเราจะเห็นว่ามีการขาดแคลนคนงานในธุรกิจต่างๆในอเมริกา  แต่เราก็เห็นว่าอัตราการจ้างงานยังไม่ฟื้นกลับไปสภาพก่อนโควิด  น่าจะเป็นสัญญาณของการปรับตัวไม่ทันของฝั่ง supply  ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นจริงมันก็ไม่ควรเป็นปัญหาและเงินเฟ้อก็ไม่ควรจะเลยเถิด

แต่ทีนี้คำถามต่อมาคือ fed จะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นหรือเปล่า  และถ้าสมมติใช่แปลว่าตลาดหุ้นจะต้องตกหรือเปล่า  ประเด็นแรกเรื่องปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นนี่ผมก็เชื่อว่าเค้าจะทำเมื่อเศรษฐกิจเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกตินะ  ซึ่งก็ไม่รู้ว่าคือเมื่อไหร่แต่ก็ไม่น่าจะทันทีในเดือนสองเดือนนี้เพราะภาคธุรกิจบางอันอย่างการท่องเที่ยวก็ยังไม่ฟื้น  แต่สมมติธุรกิจฟื้นเร็วกว่าคาด  ก็มีความเป็นไปได้สูงว่า fed จะเริ่มปรับอัตราดอกเบี้ย  แต่นั่นแปลว่าตลาดหุ้นน่าจะต้องตกหรือเปล่า  ก็เป็นไปได้แต่ถ้าหุ้นจะตกผมก็ว่ามันน่าจะตกในธุรกิจกลุ่มที่ขึ้นไปเยอะมากก่อนหน้านี้มากกว่า  ส่วนหุ้นกลุ่มธุรกิจที่ยังไม่ฟื้นอย่างท่องเที่ยวก็ไม่น่าจะตกอะไรได้เยอะแยะในเมื่อตัวบริษัทกำลังทำได้ดีขึ้นทั้งกลุ่ม

ตลาดหุ้นอื่นๆนอกจากไทย

ก็ไม่ได้มีมุมมองอะไรเป็นพิเศษ  แต่ที่แน่ๆคือพวกประเทศที่เริ่มฉีดวัคซีนไปได้เยอะก็น่าจะทำได้ดี  หุ้นกลุ่มที่ช่วงก่อนโดนโควิดซะเละก็น่าจะเริ่มฟื้นในประเทศพวกน้ัน

ถ้าเราตามข่าวเราจะเห็นว่า US ก็เปิดให้คนในประเทศเดินทางไปมาได้แล้ว  ไม่ต้องใส่หน้ากากแล้วด้วย  และเปิดให้คนนอกประเทศเข้ามาได้ยกเว้น 35 ประเทศที่อยู่ใน list ระบาดเยอะ  ส่วนยุโรปเองตัวเลขการจองตั๋วเครื่องบินเดินทางพวกนี้ก็สูงขึ้นเแล้วด้วย  สายการบินเริ่มเพิ่มเที่ยวบิน

แน่นอนความเสี่ยงเรื่องโควิดสายพันธุ์ใหม่ก็ยังมีอยู่นะ  อาจจะโผล่พรวดมาก็ได้  แต่เท่าที่เราเห็นในเวลานี้ก็สถานการณ์ดีกว่าต้นปีชัดเจน

ลงทุนไงต่อดี

ถ้าเป็นผมก็เหมือนเดิม  คือจะซื้อบริษัทที่โดนโควิดจังๆแล้วน่าจะรอด  พวกที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว, การเดินทาง, โรงเรียน, โรงแรม, ห้าง, ฯลฯ  แล้วแต่ว่าหาอะไรเข้าท่าที่ราคายังไม่ฟื้นได้  โดยโฟกัสไปที่ประเทศที่กำลังจะฟื้นก่อนอย่าง US, UK, ยุโรป  ลงทุนไว้อย่างน้อยจนกว่าธุรกิจจะฟื้นจากโควิด

หลังจากนั้นพอธุรกิจในประเทศพวกนั้นฟื้นแล้ว  แนวโน้มคือราคาหุ้นก็จะฟื้นด้วย  พอเป็นแบบนั้นผมก็จะพิจารณาขายและย้ายเงินลงทุนมายังประเทศที่ยังไม่ฟื้นต่อแต่กำลังเริ่มฉีดวัคซีนแล้ว  อย่างเช่นไทย, ญี่ปุ่น, สิงคโปร์, ฯลฯ  โดยมองหาหุ้นธุรกิจคล้ายๆกันแล้วก็ทำแบบเดิม

สรุปคือถ้าเป็นผม  ผมจะฉวยโอกาสจากโควิดให้เต็มที่  และฉวยโอกาสจากการที่มันฟื้นไม่พร้อมกันให้เป็นประโยชน์ให้ได้มากที่สุดน่ะครับ

ตลาดหุ้นฟื้นกันขึ้นมาแล้ว  ยังหาโอกาสได้อยู่เหรอ

ได้ชัวร์  เพราะผมยังเห็นอยู่  ที่บ่นหาไม่ได้นี่ไม่ใช่ปัญหาของตลาดละ  ปัญหามันอยู่ที่คุณนี่แหละไม่พยายามหาเอง  เอาตรงๆผมว่าช่วงนี้เป็นโอกาสที่ดีมากนะ  อาจไม่ดีเท่าต้นปีที่แล้วตอนตลาดตกหนักๆเพราะเราจะซื้อได้ถูกมาก  แต่ก็ถือว่าดีมากแล้วเพราะสถานการณ์ชัดเจนขึ้นเยอะความเสี่ยงน้อยลงเยอะ  ถ้าใครจะขี้เกียจตอนนี้ผมก็ช่วยอะไรไม่ได้

 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/

หรือ ทดลองเรียนฟรี

อัพเดทสถานการณ์และกลยุทธ์ลงทุน – กรกฎาคม 2563

July strategy update: What now ?

อัพเดทสถานการณ์และกลยุทธ์ลงทุน – กรกฎาคม 2563

จากครั้งล่าสุดเราคุยกัน  จนกว่าจะมียาหรือวัคซีนที่แก้ปัญหา COVID-19 แบบขาด  เศรษฐกิจกับตลาดหุ้นในระหว่างนี้ก็จะยังไม่ฟื้น 100% และจะอยู่ในสภาพแบบไหนขึ้นอยู่กับว่าโรคระบาดควบคุมได้ขนาดไหนจำเป็นต้องปิดธุรกิจอีกหรือเปล่ากับระดับความมั่นใจจับจ่ายใช้สอยของคนในสถานการณ์ไม่ปกติ  ถ้าต้องปิดธุรกิจอีกรอบหรือถ้าต่อให้ไม่ต้องปิดแต่คนระมัดระวังจัดไม่ซื้อไม่ใช่เงินเราก็จะอยู่ในสภาพลำบากละ

เมื่อตอนเดือนมิถุนายนข้อมูลมันยังไม่ค่อยชัดเพราะหลายประเทศรวมถึงไทยเพิ่มเริ่มเปิดธุรกิจกลับมาตอนพฤษภาคม  แต่ตอนนี้ดูเหมือนชัดเจนมากขึ้นแล้ว  เราพูดถึงทีละเรื่อง

  1. ควบคุมโรคระบาดได้หรือเปล่า
  2. คำตอบคือไม่ได้  นอกเหนือจากบางประเทศจริงๆอย่างเช่นไทยก็ดูเหมือนจะคุมไม่ได้นะ  บางประเทศที่รอบที่แล้วเราดูว่ายังอาการหนักอยู่อย่าง US ก็หนักขึ้นชัดเจน  ประเทศที่ดูเหมือนคุมได้แล้วก็มีที่เริ่มระบาดกลับขึ้นมาจนบางที่ต้องมีการ lockdown อีกรอบเช่นเยอรมณี, สเปน, ออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น, อินโดนีเซีย, ฯลฯ

    รอบนี้เท่าที่ดูคือเค้าพยายามจะไม่ปิดเฉพาะบางส่วนให้เร็วก่อนที่จะลามในวงกว้าง  และบางประเทศก็ดูเหมือนจะลังเลที่จะปิดธุรกิจอีกรอบ  แต่ลังเลยังไงถึงจุดหนึ่งถ้าระบาดขึ้นมาเยอะก็ดูเหมือนรัฐบาลก็ไม่มีทางเลือกต้องหยุดธุรกิจ  หรือถ้ายังไงก็จะไม่ปิดก็จะเหมือนบราซิลที่ระบาดรุนแรงและก็มีผลต่อเศรษฐกิจอยู่ดี

     

  3. ประเทศที่คุมสถานการณ์ได้  คนกลับมาจับจ่ายใช้สอยขนาดไหน
  4. โดยรวมหลังจากเปิดธุรกิจกลับมากิจกรรมทางเศรษฐกิจก็โดดกลับขึ้นมาแหละ  และเท่าที่ดูหลายที่ก็ฟื้นกลับขึ้นมาเร็วกว่าที่คาดทั้งนั้น  เช่นฝรั่งเศสกับอิตาลีที่ตัวเลขการผลิตเทียบเดือนเมษายนมาเดือนพฤษภาคมกระโดดขึ้นมาเยอะกว่าที่คาด

    ความเชื่อมั่นผู้บริโภคในไทยเองก็สูงขึ้นชัดเจน

    ค้าปลีกในอังกฤษก็ฟื้นขึ้นมาหลังจากเปิด

    แต่หลังจากที่ฟื้นกระโดดขึ้นมาในตอนแรก  เท่าที่ดูก็ไม่น่าจะฟื้นกลับไปใกล้เคียงเดิม  อันนี้คือดูจากเมือง Wuhan ของจีนที่มีการปิด lockdown ไปแล้วเปิดกลับมาก่อนเพื่อน  จะเห็นว่าค้าปลีก (เส้นสีฟ้า) ฟื้นขึ้นมาจริงแต่ก็ยังห่างกับปีก่อนอยู่มาก  ลบอยู่เกือบ -40% ได้  ต้องคอยดูต่อไปว่าจะฟื้นกลับมาได้เป็นปกติขนาดไหนและใช้เวลานานมั้ย

 

สรุปปิดด้วยคำถามสุดท้ายที่คนชอบถามคือคิดว่าตลาดหุ้นจะตกมั้ย  เอาเป็นว่าผมก็ไม่รู้อนาคต  แต่ถ้าเห็นแบบนี้คือการระบาดยังคุมไม่ได้ยังต้องมีการปิดธุรกิจอีกรอบกับเมืองที่เปิดกลับมาคนก็จะยังไม่กลับมาใช้ชีวิตปกติ  ผลกระทบทางเศรษฐกิจน่าจะรุนแรงกว่าที่ตลาดคาดไว้ตอนแรก  ถ้ากำลังการซื้อไม่กลับมาหรือมีต้องปิดธุรกิจอีกก็คาดว่าจะมีธุรกิจขนาดเล็กขนาดกลางอีกจำนวนพอสมควรที่ปิดกิจการ  แล้วยิ่งตอนนี้กำลังจะรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ยังไงก็ต้องดูเละด้วย  ตลาดหุ้นก็มีโอกาสสูงที่จะตกนะ  แต่คิดว่าคงไม่ใช่ตกแบบ panic นะผมว่า

 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/courses