เล่าประสบการณ์ลงทุนหุ้น กำไรเป็นแสน เป็นล้าน (ภาค 1)

Profitable Stock Story #1

เล่าประสบการณ์ลงทุนหุ้น กำไรเป็นแสน เป็นล้าน (ภาค 1)

เรื่องนี้มีคนขอให้เล่า  สิ่งที่เค้าอยากได้คือเล่าเคสที่ลงทุนแล้วกำไร  วิเคราะห์ยังไง  ประเมินมูลค่ายังไง  กำไรเท่าไหร่กี่ %  ก็โอเคในเมื่ออุตส่าห์ request มาก็ทำก็ได้  โดยเหมือนเดิมคือผมจะพยายามเล่าว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นและคิดอะไรอยู่ในเวลานั้น  มันจะได้มีประโยชน์หน่อย

เพื่อความไม่ยืดยาว  ผมอธิบายให้เข้าใจไว้นิดนึงก่อน

  • เราจะพูดถึงเคสใหญ่ๆเท่านั้น  เหมือนกับวีดิโอที่เล่าเคสลงทุนพลาดแหละ  ถ้าจะเล่ามันทุกเรื่องก็จะเยอะไป  เราเอาเคสที่มันเงินลงทุนจำนวนเยอะๆหน่อย
  • ทุกเคส  มันมาจากแนวทางการลงทุนแแบบเดียวซึ่งคือ Opportunistic VI  ผมเล็งซื้อบริษัทที่เข้มแข็งในเวลาที่มันราคาตกผิดปกติจากสิ่งที่ผมมองว่าเป็นปัญหาชั่วคราวหรือไม่ก็คนตกใจกันไปเอง
  • ทุกเคสวิธีประเมินมูลค่าที่ใช้ผมทำเหมือนๆกัน  คือ Discounted dividend และประมาณ terminal value ด้วย price multiple เหมือนกันหมด  รวมถึงทุกครั้งที่ลงทุนพลาดแล้วขาดทุนด้วย  ทุกเคสที่เคยเล่าให้ฟังในวีดิโอที่พูดถึงเคสพลาดก็ใช้วิธีเดียวกันหมด  และดังนั้นผมถึงย้ำนักหนามาตลอดว่าเรื่อง valuation นี่เป็นอะไรที่ความสำคัญต่ำมาก  ที่สำคัญคือเรื่องความเข้าใจในธุรกิจนี่มันต้องไม่พลาดตั้งแต่แรก
  • ทุกเคส  ผมรู้จักบริษัทที่ซื้อพวกนั้นและเอาไว้อยู่ใน Alert list ก่อนที่ราคามันจะตกอยู่แล้ว  ถ้าไม่ได้รู้จักอยู่ก่อนพอราคามันตกหรือเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นเผลอๆเราไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ

1. เพรซิเดนท์ เบเกอรี่

เริ่มจากอันเก่าไปใหม่  อันแรกเป็นเคสของ PB (President Bakery) หุ้นฟาร์มเฮ้าส์  ผมเข้าไปซื้อตอนช่วงต้นปี 2015  ตอนที่เข้าไปซื้อนั่นเป็นช่วงที่หุ้นฟาร์มเฮ้าส์ตกต่ำลงมาได้เป็นปีละ  หลักๆสาเหตุที่หุ้นตกเข้าใจว่าเป็นเรื่องความกังวลที่มีคู่แข่งอย่างเลอแปงซึ่งเป็นของซีพีโผล่เข้ามาใน 7-11  ในเวลานั้นเราเริ่มเห็นฟาร์มเฮ้าส์ถูกวางบนชั้นให้เด่นน้อยกว่า  ซึ่งอาจจะมีผลต่อยอดขายและก็มีความกังวลว่าซักพักนึงอาจจะถอดออกไปเลยหรือเปล่า  ตอนผมเข้าไปซื้อก็คือเวลาผ่านมาปีสองปีละ  และสิ่งที่เห็นคือฟาร์มเฮ้าส์ก็ยังยอดขายโตกำไรเติบโตอยู่  ไม่ได้ถูกถอดออกจาก 7-11 และก็คิดว่าไม่น่าจะโดนด้วยเพราะเป็นกลุ่มเดียวกับมาม่าซึ่งเป็นเจ้าใหญ่เค้าไม่น่าจะกล้าเอาออก  ในเวลานั้นซื้อไป 2 ล้านกว่าที่ราคา 42-43 บาท  ถือไว้เกือบ 2 ปีแล้วคนก็หายกลัวราคาฟื้น  ขายไปประมาณ 64.5 บาท  กำไร ~50% ได้

2. กรุงไทยคาร์เร้นท์

อีกอันนึงที่ซื้อเยอะคือ KCAR  เป็นบริษัทรถเช่ารายได้มาจากให้เช่ารถบริษัทแล้วก็ขายมือสองเมื่อรถอายุ 5 ปี  ตอนซื้อมาเป็นช่วงที่ KCAR โดนผลกระทบจากนโยบายรถคันแรกตอนปี 2012 ที่ทำให้ราคารถมือสองตกต่ำมากๆ  รายได้หดกำไรหด  ผมดูยังไงก็ปัญหาชั่วคราวแน่ๆเพราะรถคันแรกมันก็ไม่ได้มีทุกปี  แต่ก็เข้าใจว่าต้องใช้เวลาหลายปีหน่อยกว่าความต้องการรถมือสองจะกลับมาปกติ  KCAR นี่ซื้อหลายครั้งตั้งแต่ปี 2015-2016 รวมเป็นเงินเกิน 2 ล้าน  ราคาเฉลี่ยน่าจะประมาณ 10.5 บาท  ในภายหลังก็ตามคาดตลาดรถมือสองกลับเป็นปกติเริ่มฟื้น  ขายหุ้นไปตอนปี 2017 ที่ราคาเฉลี่ยประมาณ 15 บาท  กำไรประมาณ ~43% 

 

ฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง Comment ได้เลยนะครับ

หากชอบเนื้อหา อย่าลืมกด Like & Share และ Follow เราในช่องทางต่างๆ ได้ตามนี้ 🙂

ติดตามพวกเราได้บน Facebook https://www.facebook.com/smartstockinvestment/

หรือทาง YouTube https://www.youtube.com/channel/UCXXwuZIQdWiS1OIzy0uP1fg

ตอนนี้เรามีคอร์ส Workshop ออนไลน์แล้วด้วยนะ
https://www.adisonc.com/

หรือ ทดลองเรียนฟรี