“ทางเลือกมันเยอะ หุ้น, ตราสารหนี้, ทอง, อสังหา ฯลฯ  อันไหนดีสุด”

FAQ : So Many Things to Invest In, Which One To Choose?

เวลานักลงทุนมือใหม่เริ่มต้นสนใจจะลงทุน  เค้าจะพบว่าทางเลือกในการลงทุนมีเยอะเหลือเกินไม่รู้จะเลือกอันไหนดี  วันนี้ผมเลยรวบรวมคำถามกลุ่มนี้มาตอบไว้ที่เดียวกันครับ

what-should-i-invest-in

คำถาม   พวกทรัพย์สินต่างๆเหล่านี้  มันแตกต่างกันยังไงบ้าง

ทุกอันมันก็ต่างกันแหละครับ  แต่เพื่อความง่าย  ผมเสนอให้จำไว้ว่าทางเลือกในการลงทุนมีอยู่ 2 ประเภท

  1. ทรัพย์สินที่ตัวมันเองไม่ทำให้เกิดรายได้
  2. ทรัพย์สินที่ตัวมันเองทำให้เกิดรายได้

ทรัพย์สินที่ตัวมันเองไม่ทำให้เกิดรายได้  ความหมายก็ตามชื่อแหละ  คือตัวมันเองไม่มีรายได้  ไม่ได้มีการผลิตหรือทำให้มีเงินไหลเข้ากระเป๋า  จะกำไรได้คือมาจากขายต่อให้คนอื่นในราคาที่สูงขึ้นเท่านั้น  อย่างเช่น  สแตมป์, ทอง, สัญญาอนุพันธ์, ที่ดินซื้อไว้เก็งกำไร,  ฯลฯ

ส่วนทรัพย์สินที่ตัวมันเองทำให้เกิดรายได้  คือตัวมันเองสร้างรายได้ให้เราได้  ทำให้มีเงินไหลเข้ากระเป๋า  กำไรจะมาจากรายได้ที่ทรัพย์สินนี้ทำได้  และรวมถึงกรณีขายต่อให้คนอื่นในราคาที่สูงขึ้น  อย่างเช่น  ตราสารหนี้, ห้องคอนโดปล่อยเช่า, หุ้น,  ฯลฯ

คำถาม   คุณเป้งคิดยังไงกับทอง  ช่วงนี้ควรซื้อมั้ย

ส่วนตัวผมไม่ชอบทอง  และไม่แนะนำให้ใครลงทุนนชในทอง  หลักๆก็เพราะตัวมันเองไม่มีรายได้นี่แหละ  สมมติเราซื้อทอง  ไม่ว่าจะในรูปทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณหรือเป็นสัญญากระดาษ  ถือไว้มันก็จะเป็นแค่ทองเฉยๆ  คือเราต้องภาวนาให้มีคนบ้ากว่าเรามายอมซื้อต่อจากเราในราคาที่แพงขึ้น  เราถึงจะกำไรได้  แล้วคนที่ซื้อต่อจากเราไปก็ต้องเชื่อว่าจะมีคนบ้ากว่าเค้ามาซื้อต่อไปอีก

อีกอย่างที่ไม่ชอบคือ  ทองมันไม่เหมือนอย่างทองแดง  หรือไม้  หรือน้ำมันดิบ  ทองแดง, ไม้หรือน้ำมันดิบนี่ความต้องการในตลาดหลักๆคือเอาไปใช้ในการผลิตสินค้าอื่น  คนไม่ได้ซื้อไม้หรือน้ำมันดิบไปถือไว้เฉยๆเก็งกำไร  ในขณะที่ทองมันมีความต้องการที่จะเอาไปถือไว้เฉยๆด้วย  มันก็เลยเดายากกว่าอันอื่นขึ้นไปอีก

คำถาม   แล้วพวกทรัพย์สินที่ตัวมันเองไม่ทำให้เกิดรายได้อันอื่นๆล่ะ

ไม่สนับสนุน  เพราะผมว่ากลุ่มพวกนี้มันกะประมาณมูลค่ายาก  ไม่ค่อยชัวร์เท่าไหร่

อย่างพวกของสะสมนี่  คือเราไม่รู้ว่าสุดท้ายมันจะมีมูลค่าขึ้นมาจริงมั้ย  ผมว่านักลงทุนธรรมดาอย่างเราข้ามไปเถอะ

ที่ดินเปล่าซื้อมาเก็งกำไร  ด้วยความว่ามันไม่ได้ทำให้เกิดรายได้อยู่ ณ ปัจจุบัน  ผมว่ามันประมาณมูลค่ายากอยู่  ขึ้นอยู่กับว่าที่ดินแถบนั้นในอนาคตจะมีคนมาใช้ทำอะไรมั้ยล้วนๆ  ถ้าจะเอากำไรเยอะเราก็ต้องมองข้ามช็อตไปหลายปี  มันดูหวังพึ่งโชคยังไงไม่รู้

พวกสัญญาซื้อขายล่วงหน้า, ฟอเรกซ์, ออปชั่น  พวกนี้มักจะโฆษณาบอกกำไรเยอะ  และทำกำไรได้ทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง  ซึ่งนั่นมันจริงครึ่งเดียว  คือขาดทุนก็เยอะเหมือนกัน  และขาดทุนได้ทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง  ผมไม่แนะนำให้ลงทุนประเภทนี้เพราะอันนี้มันเหมือนเกมเดาทิศทาง  ที่มีระยะเวลากำหนดด้วยนะ  แปลว่าเราต้องเดาทางถูก  แต่เดาทางถูกไม่พอ  ต้องให้มันเกิดขึ้นในช่วงอายุของสัญญาด้วย  ผมว่าเราเพิ่มความเสี่ยงโดยไม่จำเป็น  เหตุการณ์ระยะสั้นบางทีอารมณ์ล้วนๆ  มันไม่มีใครเดาได้ถูกสม่ำเสมอหรอกครับ

คำถาม   แล้วพวกตราสารหนี้ล่ะ

กลุ่มพวกนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ  ผมว่าโดยรวมดีกว่าเงินฝากประจำนะ  เพียงแต่ยังไงผลตอบแทนมันจะต่ำไปหน่อยเท่านั้นเอง  เหมาะกับคนที่ไม่นิยมความเสี่ยง  หรือต้องการมีรายได้สม่ำเสมอ

แต่เนื่องจากตัวผมเองไม่ได้ลงทุนกลุ่มนี้เลยไม่ค่อยรู้รายละเอียดอะไรครับ  แต่ก็โอเคนะ  แบ่งเงินส่วนหนึ่งมาซื้อก็ได้ครับ

คำถาม   แล้วลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ล่ะ

อันนี้พูดถึงไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่แล้ว  ไม่ได้รวมพวกสร้างเองพัฒนาที่ดินเอง  ส่วนตัวก็คิดว่าดีนะ  สนับสนุนเลย  แต่แค่ผมไม่ถนัด  ขี้เกียจไปดูแลด้วยครับ  ผมว่าอย่างห้องเช่าคอนโด  มันก็ต้องมีลงประกาศหาผู้เช่า  ไปเปิดห้องให้ดู  ผู้เช่าออกต้องไปตรวจสภาพห้อง  ห้องเสียได้หลายรูปแบบมากซ่อมนู่นนี่  บางทีงานซ่อมเล็กจะจ้างช่างเค้าก็ไม่มา  วุ่นวายมาก

แต่ข้อดีคือ  มีรายได้ตลอด  ถ้าเลือกไว้ดีตอนขายก็กำไรด้วย  และที่สำคัญสามารถลงทุนด้วยเงินกู้ได้ด้วย  ซื้อทรัพย์สินที่ใหญ่เกินเงินที่เรามีได้  ไม่เหมือนหุ้นที่จำกัดด้วยเงินที่เรามี  ถ้ามีฝีมือก็จะกำไรดีแหละ

คำถาม   แล้วพวกประกันสะสมทรัพย์ล่ะ

ประกันสะสมทรัพย์ไม่เอา  ไม่แนะนำ

ประกันน่ะสนับสนุนให้มี  บางทีชีวิตมันเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นได้  แต่ผมว่าซื้อประกันที่มันจำเป็นแล้วจบเถอะ  เช่น ประกันชีวิต, ประกันสุขภาพ, ประกันอุบัติเหตุ, ประกันไฟไหม้บ้าน, ประกันรถยนต์  มีประมาณนี้นะ

แต่พวกประกันออมทรัพย์อะไรนี่ไม่เอา  ผลตอบแทนห่วยมาก  ประกันมีไว้กันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น  ไม่ได้มีไว้เพิ่มพูนทรัพย์สิน  จ่ายเบี้ยเฉพาะที่จำเป็นแล้วเอาเงินไปลงทุนเองได้ผลตอบแทนดีกว่าเยอะ

คำถาม   แล้วลงทุนในกองทุนดีมั้ย

ดีๆ  ก็แนะนำให้ลงทุนในกองทุนที่ไปลงทุนในหุ้น  และเลือกที่เป็นกองทุนดัชนีไปเลยที่ผู้บริหารกองทุนไม่ต้องตัดสินใจอะไรใดๆทั้งสิ้น  ลงตามดัชนี SET เลย  เอาแบบค่าธรรมเนียมต่ำด้วย  เหมาะกับคนไม่มีเวลาเลือกเอง  แนวโน้มจะออกมาโอเคด้วยนะ

แนะนำให้เป็นกองทุนดัชนีไปเลย  อย่าไปหวังพึ่งความสามารถอะไรเป็นพิเศษของผู้จัดการกองทุน  ต้องเข้าใจว่าอย่างแรกเราไม่รู้จักตัวผู้จัดการกองทุนนะ  ไม่มีอะไรจะบอกได้ว่าเค้าจะเก่งกว่าผู้จัดการกองทุนกองอื่น  การศึกษา, วุฒิ, CFA นู่นนี่มันก็มีกันทุกคนอ่ะ  และอย่างที่สองสมมติว่าผู้จัดการกองทุนเก่งจริงทำได้ดี  เค้าก็อาจจะถูกซื้อตัวไปที่อื่นอยู่ดี  ดังนั้นอย่าไปสนใจเลือกกองทุนดัชนีไปเลย  โดยเฉลี่ยแล้วมีงานวิจัยออกมาชัดเจนมากว่ากองทุนส่วนใหญ่ที่มีผู้บริหารกองทุนเลือกให้ซื้อขายบ่อยๆ  มันจะผลออกมาห่วยกว่ากองที่ตามดัชนีอย่างเดียว

คำถาม   แล้วลงทุนในอะไรดีสุด

ในความเห็นคือเรียงลำดับตามนี้

  1. ลงทุนในหุ้น ถ้าเลือกเองรู้เรื่องมีฝีมือ  ผมว่าอันนี้กำไรดีสุดละ
  2. LTF, RMF เลือกกองที่ลงทุนในหุ้นตามดัชนี ดีตรงประหยัดภาษีเนี่ยแหละ
  3. กองทุนลงทุนในหุ้นตามดัชนี อันนี้คือถ้าขี้เกียจผมว่าดีสุดละ
  4. กองทุนตราสารหนี้ ก็ปลอดภัยแหละนะ
  5. อสังหาริมทรัพย์ จริงๆกำไรดีกว่าตราสารหนี้  แต่มันยุ่งยากต้องดูแล  ผมขี้เกียจไง
  6. เงินฝาก มีเก็บไว้บ้างเผื่อจำเป็นต้องใช้อะไรขึ้นมา

ที่เหลืออย่างอื่นคือผมไม่ชอบเลย

คำถาม   ทำไมคุณเป้งถึงแนะนำให้ลงทุนในหุ้นมากที่สุด

ง่ายมาก  หลักๆเลยคือผลตอบแทนดีกว่าเพื่อน  และความเสี่ยงต่ำกว่าด้วยถ้าเรารอบคอบ

หุ้นมันคือการเป็นเจ้าของร่วมในกิจการ  กิจการหรือบริษัทมันเป็นอะไรที่คนสร้างขึ้นมาเพื่อสร้างสรรค์สินค้าหรือบริการใหม่ๆให้กับผู้คน

ในระยะยาวแล้วไม่มีการลงทุนประเภทไหนสู้หุ้นได้  เพราะการลงทุนเป็นเจ้าของบริษัท  มันคือการลงทุนในความสร้างสรรค์ของคน  อย่างอสังหาริมทรัพย์ก็เป็นการลงทุนที่ดี  แต่สุดท้ายมันก็จะเป็นแค่ทรัพย์สินที่ก่อให้เกิดรายได้แค่นั้นจบ  อย่างดีก็อาจจะเก็บค่าเช่าได้เพิ่มขึ้น  ในขณะที่บริษัทอาจจะเริ่มไปซื้อเครื่องจักรมาแล้วมาผลิตสินค้าทำกำไร  แล้วเมื่อกำไรซักพักนึงบริษัทก็อาจจะขยายการผลิตเพิ่ม  หรือหาอะไรใหม่ๆมาขายเพิ่มเติมขึ้นไปอีก  และนี่คือสิ่งที่แตกต่าง  ธุรกิจมันเติบโตได้  มันขยายต่อเนื่องได้  ทำให้กำไรที่มันสร้างได้มันไม่ได้จำกัดอยู่แค่ทรัพย์สินเดิมที่มีอยู่

ด้วยเหตุนี้ก็เลยแนะนำให้ลงทุนในหุ้นมากที่สุดครับ

คร่าวๆก็ตอบประมาณนี้ครับ  จริงๆคำถามกลุ่มประเภทนี้มันจะมีเยอะนิดนึงคาดว่าคงตอบไม่หมด  ในอนาคตถ้าเจอคำถามอื่นๆจะรวบรวมมาตอบให้ครับ