
“เพื่อนๆ รุมหัวเราะเยาะใส่ผม
เมื่อผมเริ่มเล่นหุ้นในช่วง Covid-19
แต่หลังจากนั้นไม่นาน…”
ช่วง Covid-19 นั้นเป็นฝันร้ายของนักลงทุนเลยก็ว่าได้ ไม่ใช่แค่กำลังเล่นงานมนุษย์เท่านั้น แต่ยังเล่นงานตลาดหุ้นซะย่อยยับ แทบไม่เหลือโอกาสให้นักลงทุนได้ลืมตาอ้าปาก หายใจกันไม่ค่อยออกแม้ว่าจะไม่ได้ติดเชื้อไวรัสจริงๆ ก็ตาม แต่ก็แสดงอาการออกมาอย่างเห็นได้ชัดเจน
กระดานซื้อขายถูกย้อมไปด้วยสีแดงคล้ายเลือด นักลงทุนโดนถล่มย่อยยับด้วยตัวเลขหุ้นที่ดิ่งลงเหว ไม่ต่างจากการที่พวกเค้าไปยืนตรงหน้าผาสูงและพร้อมที่จะกระโดดลงมาได้ทุกเมื่อ
คุณน่ารู้ดีว่านี่คือช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดสำหรับการลงทุน และคนแทบทั้งโลกใบนี้พร้อมใจกันเทขายทุกสิ่งทุกอย่างที่ถืออยู่ในมือ จนตลาดหุ้นถึงกับต้องงัด Circuit Breaker ออกมาใช้กันเลย
คุณเองก็อาจจะเป็นหนึ่งในนั้นด้วยเหมือนกัน ที่ได้รับผลกระทบกับเจ้าไวรัสตัวนี้ พร้อมกับเสียงบ่นไม่ขาดสาย
“ต้องรีบชิงตัดหน้าขายก่อนคนอื่น เดี๋ยวหุ้นมันจะร่วงลงมามากกว่านี้”
“โว๊ยย!!! ขาดทุนอีกแล้ว โครตเซง”
“ห่าเอ้ย เพิ่งจะเล่นได้ไม่นานทำไมถึงได้ซวยขนาดนี้วะ”
“เข็ดแล้ว การเล่นหุ้นนี่มันยากเกินไป”
ผมตัดสินใจที่อยากจะเริ่มลงทุน และหันไปปรึกษากับเพื่อนๆ ในการเล่นหุ้นมาก่อนหน้าผมหลายปี
แต่ก็ได้คำตอบที่น่าผิดหวัง
“บ้าหรือเปล่าใครเค้าลงทุนกันตอนนี้ มีแต่คนฉลาดเท่านั้นแหละที่เทขายก่อนที่จะเจ๊ง”
คนหนึ่งให้คำตอบผมแบบไม่ค่อยสนับสนุนผมเท่าไหร่
“เฮ้ย อย่าเลยเข้าใจนะว่าของถูกแต่ซื้อไปแล้วมันจะร่วงลงมาอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”
ในขณะที่เพื่อนอีกคนก็ไม่ค่อยสนับสนุนความคิดผมซักเท่าไหร่
“รออีกหน่อยดีกว่า รอมันดีดกลับขึ้นมาแล้วค่อยซื้อก็ยังไม่สายนะ”
แล้วมันเมื่อไหร่ล่ะ ผมเก็บคำถามไว้ในใจ
และก็มีคำตอบอีกกว่า 9 ใน 10 ตอบกลับมาโดยคำตอบส่วนใหญ่ก็ห้ามไม่ให้ผมไปยุ่งกับการเล่นหุ้นในช่วง Covid-19 นั่นแหละ
ผมแทบถอดใจในการลงทุนเพราะคำตอบที่ได้รับมา แต่ก็เกือบจะคล้อยตามและยอมทำตามคำแนะนำเพื่อนๆ ไป
แต่ผมเลือกทำในสิ่งที่ตรงข้ามคำแนะนำเหล่านั้น
และตัดสินใจเอารถของตัวเอง
เปลี่ยนเป็นเงินลงทุน
ผมตัดสินใจเอารถตัวเองนำเข้าไฟแนนซ์ทันทีเพื่อเปลี่ยนเป็นเงินทุนราวๆ 325,575 บาท เพราะผมเชื่ออย่างสุดหัวใจว่าเนี่ยแหละคือโอกาสและผมก็จะไม่ยอมปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไปอย่างแน่นอน
ความเชื่อของผมนั้นไม่ได้มาจากความโลภที่อยากจะได้ของถูกแล้วขายแพงๆ ในอนาคต
ไม่ได้เป็นเพราะผมหน้ามืดตามัว แล้วหวังว่าสิ่งศักสิทธิ์จะประทานโชคลาภมาให้กับลูกช้างตัวนี้ซักครั้งในชีวิต
แต่ความเชื่อของผมนั้นตั้งอยู่บน “ตัวเลข” และ “เหตุผล” ที่พิสูจน์ได้เท่านั้น…
ชีวิตการลงทุนในช่วง Covid-19 ของผม
ผมแบ่งเงินออกมาบางส่วนเพื่อเอาไปใช้กับเรื่องส่วนตัว ส่วนเงินที่เหลืออยู่ราวๆ สองแสนกว่าก็รีบจัดเรื่องการลงทุนทันที
ผมจัดการเปิดตารางคำนวณทันทีในระหว่างที่รอเงินผมเข้าบัญชีธนาคารด้วยความมั่นใจและตื่นเต้น และสะดุ้งตื่นทุกครั้งที่ได้ยินเสียงข้อความเตือนจากมือถือดังขึ้นและหวังว่านั่นจะเป็นเงินทุนของผมแจ้งเตือนเข้ามา จบแทบไม่หลับไม่นอนอยู่หลายวัน
ณ วินาทีที่เสียง มือถือดังขึ้นมาและแจ้งว่าเงินของผมได้เข้าบัญชีแล้ว
ผมได้จัดแบ่งเงินลงทุนจากการ “เลือกธุรกิจที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น” และผ่านการ “บวก ลบ คูณ หาร” เอาไว้ก่อนหน้านี้ทันที
และห้ามใจไม่ไหวที่จะแชร์เรื่องนี้ไปในกลุ่มเพื่อนๆ นักลงทุนของผม…
ผมกลายเป็นเรื่องตลกในสายตาคนอื่น
หลังจากที่ผมเล่าเรื่องที่ผมเอารถไปเปลี่ยนเป็นเงินทุนไม่นาน ผมได้กลายเป็นตัวตลกในสายตาเพื่อนในกลุ่มนั้นทันที และก็ยังตามมาด้วยเสียงจิกกัดเป็นระยะ ไม่ขาดสาย
“555 จริงดิ”
“เอาดิ อยากเห็นคนรวย รวยจนเสียสติไปเลย ถถถ”
“จัดไปเลย ถ้าไม่เจ็บตัวมันก็คงไม่ใช่การลงทุนหรอกนะ เอาใจช่วยนะ”
เป็นไงบ้างรถของคุณขนทองกลับมาได้บ้างหรือยัง???
เพื่อนๆ รุมหัวเราะเยาะใส่ผม เมื่อผมเริ่มเล่นหุ้นในช่วง Covid-19 แต่หลังจากนั้นไม่นาน…
ชัยชนะอย่างสมบูรณ์

ผ่านไปราวๆ 6 สัปดาห์หลังจากที่ผมตัดสินใจ ซื้อหุ้นตามที่ผมได้คำนวณมาเป็นอย่างดี
ทุกอย่างเป็นไปตามที่ผม “วิเคราะห์” เอาไว้
หุ้นที่ผมซื้อเอาไว้ดีดกลับขึ้นมา
และผมได้กำไรมาราวๆ 80,551 บาท หรือ 28.57%
ผมแทบจะกลั้นความดีใจเอาไว้ไม่อยู่
พยายามอดกลั้นเอาไว้ไม่ตะโกนออกมา
เมื่อเพื่อนในกลุ่มของผมรู้เรื่องนี้เข้า
เสียงหัวเราะเยาะก็เริ่มจางหายไป…
กลายเป็นห้องที่เงียบสงัดอยู่ซักครู่หนึ่ง
คุณคงแทบจะอดสงสัยไม่ได้เลยว่าเพื่อนๆ ของผมจะทำหน้ายังไง?
หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นคำถามมากมายราวกับกระสุนที่สาดมาหาผมจนแทบไม่มีเวลาให้หลบกันเลย
“เฮ้ย!! ทำไมมีของดี แล้วไม่บอกกันบ้าง”
“ไปเรียนมาจากที่ไหนมา แล้วเรียนยากไหม?”
“ใครเป็นคนสอนอ่ะ ค่าเรียนแพงป่ะ”
“ผมไม่เคยเจออาจารย์ของผมตัวจริงๆ เลยซักครั้ง แค่คุยกันผ่านแชทกันเฉยๆ” ผมตอบกลับไป
“ตลกละ ถ้าไม่เรียนแบบตัวต่อตัวจะทำได้ถึงขนาดนี้เลยหรอวะ คุณไปแอบซุ่มเรียนมาเป็นปีๆ แล้วแหงๆ”
“ผมเรียนกับอาจารย์คนนี้ได้ไม่นานจริงๆ” ผมยังยืนยันเหมือนเดิม
จริงๆ แล้วผมกะจะเก็บวิชานี้ไว้เป็นความลับ ไม่อยากบอกใครซักเท่าไหร่
ผมทนต่อคำตื๊อจากเพื่อนๆ ไม่ไหว จนสุดท้ายผมก็ยอมเล่าทุกอย่างให้ฟัง